ยังคงรอการพิสูจน์ สำหรับกรณีคลิปนายทหารบุกเข้าไปในโรงแรมแห่งหนึ่งในจ.ภูเก็ต

ที่มทภ.4 สั่งการให้แจ้งความดำเนินคดีกับคน เผยแพร่ เนื่องจากเห็นว่าจงใจตัดต่อ และใส่ข้อความทำให้ทหารเสื่อมเสีย

พร้อมชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคลิป เป็นเจ้าหน้าที่ทหารเข้าตรวจสอบตามที่มีเรื่องร้องเรียนจากพนักงานคนหนึ่งในโรงแรมที่ขาดงาน จนถูกไล่ออก

แต่ไม่ยินยอมเพราะผู้บริหารไม่ได้ทำตามเงื่อนไข แถมยังข่มขู่คุกคาม อ้างถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ

 

จึงจำเป็นต้องใช้อำนาจตามม.44 และคำสั่ง หัวหน้าคสช.ที่ 13/2559 เข้าอำนวยความยุติธรรม

ไม่มีการข่มขู่ หรือเรียกรับผลประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น

ขณะที่คู่กรณียืนยันไม่ได้เป็นผู้มีอิทธิพล แถมยังเป็นเรื่องขัดแย้งในที่ทำงาน เหตุใดเจ้าหน้าที่ทหารถึงต้องเข้ามาระงับเหตุ!??

ส่วนสังคมก็ตั้งคำถาม พร้อมเสนอให้นายกฯ ตั้งกรรมการกลางขึ้นมาตรวจสอบ

เพื่อหาคำตอบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรกันแน่

แชร์ว่อนคลิปทหารบุกโรงแรม

สังคมจับตาทันที เมื่อมีคลิปวิดีโอความยาว 3 นาที 51 วินาที ถูกแพร่ในโลกออนไลน์ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา เป็นภาพภายในห้องอาหารแห่งหนึ่งในจ.ภูเก็ต มีเจ้าหน้าที่ทหาร 3 นาย แต่งเครื่องแบบ มี 1 นายพกปืนสั้น เข้าพูดคุยกับ ชาย 2 คน

ซึ่งระหว่างการพูดคุยทั้ง 2 ฝ่ายก็มีปากเสียง โดยชายคนดังกล่าวถามว่ามาทำไม ฝ่ายทหารก็อ้างว่าใช้อำนาจม.44 มาดำเนินการกับผู้มีอิทธิพล ขณะที่ทั้ง 2 ฝ่ายถ่ายคลิปบันทึกไว้ทั้งคู่

ส่งผลให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ซึ่งส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของ กองทัพ

หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อวันที่ 1 เม.ย. พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาค 4 ก็ออกมาชี้แจง โดยระบุว่า กรณีดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 มี.ค.61 โดยเจ้าหน้าที่ทหารกองพลทหารราบที่ 5 กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย(กกล.รส.) เดินทางไปตรวจสอบ ตามที่ได้รับเรื่องร้องเรียนจากอดีตพนักงานโรงแรมป่าตองพารากอน

โดยพนักงานคนดังกล่าวไปร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมว่าถูกให้ออกจากงานโดยไม่เป็นธรรม เพราะขาดงานช่วงก่อนเทศกาลปีใหม่ โดยศูนย์ดำรงธรรมตรวจสอบแล้วพบว่า ระเบียบของโรงแรมต้องให้กรรมการอย่างน้อย 2 คนลงชื่อ ถึงจะไล่ออกได้ แต่ในคำสั่งไล่ออกมีกรรมการลงนามเพียงคนเดียว ทำให้พนักงานคนดังกล่าวยังทำงานต่อได้

แต่เมื่อไปทำงาน ก็ถูกผู้บริหารโรงแรมข่มขู่ อ้างมีอิทธิพลตำรวจบีบให้ออกจากงาน พนักงานโรงแรมจึงทำหนังสือร้องเรียนมายังบก.ควบคุม พล.ร.5 และสั่งการต่อให้ ทหารชุดปฏิบัติการรักษาความสงบเรียบร้อย กรมทหารราบที่ 25 (ชป.รส.ร.25) เข้าตรวจสอบ

วันเกิดเหตุเป็นวันที่ 27 มี.ค. ชป.รส.ร.25 นำโดยร.ต.วัฒนชัย คล่องประดิษฐ์ หัวหน้าชุด เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบผู้บริหารโรงแรม ก็แสดงตนว่าเป็นเจ้าหน้าที่ ซึ่งผู้บริหารโรงแรมคนดังกล่าวก็ให้ความร่วมมือ เชิญเข้าไปนั่งในโรงแรม

จากนั้นพ.ท.สุรศักดิ์ พึ่งแย้ม รองผบ.ร.25 พัน.2 ผู้บังคับบัญชาตามเข้าไปชี้แจงรายละเอียด พร้อมเชิญผู้บริหาร และตำรวจติดตาม 2 นายมาให้ข้อมูล แต่ผู้บริหารโรงแรมระบุว่าไม่ว่าง ขอนัดใหม่ในวันที่ 2 เม.ย. และจะนำเอกสารต่างๆ มายืนยันว่าที่ได้รับ เรื่องร้องเรียน ว่าไม่เป็นความจริง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ ชป.รส.ร.25 ก็ได้นั่งพูดคุยกันต่อประมาณ 2 ชั่วโมง

ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี แต่กลับมีการตัดต่อคลิปเอาเฉพาะตอนที่ผู้บริหารโรงแรมพูดแสดงความไม่พอใจมาเผยแพร่ พร้อมข้อความที่ทำให้ฝ่ายทหารเสียหาย

เหล่านี้เป็นคำชี้แจงจากฝ่ายทหาร

มทภ.4สั่งแจ้งความ-เด้ง2ตร.

พล.ท.ปิยวัฒน์ ยังระบุอีกว่า น่าสงสัยถึงเจตนาของผู้ที่นำคลิปไปเผยแพร่ ว่าต้องการทำให้ทหารเสียหาย จึงสั่งการให้นายทหารพระธรรมนูญ เตรียมฟ้องร้องดำเนินคดีกับผู้บริหารโรงแรม และผู้ที่เผยแพร่คลิป

ยืนยันว่าทหารทำตามระเบียบถูกต้อง แต่งเครื่องแบบ แสดงตัว พร้อมแจ้งข้อหาเรื่องร้องเรียน แต่กลับมากล่าวหาว่าทหารรีดไถ เรียกรับผลประโยชน์ ทำให้ผู้ปฏิบัติงานเสียหาย

ส่วนที่ต้องพกอาวุธปืนสั้นเข้าไปในโรงแรม เพราะเป็นอาวุธประจำกาย ไม่ได้พกอาวุธสงคราม อีกทั้งเป็นการไปทำหน้าที่ ผู้ถูกร้องเรียนว่าเป็นผู้มีอิทธิพล เป็นถึงผู้บริหารโรงแรม มีตำรวจติดตาม 2 นาย ดูแลตลอดเวลา ทหารจึงต้องระวังตัวเอง

นอกจากนี้จะทำเรื่องถึงต้นสังกัดตำรวจทั้ง 2 นาย ให้โยกย้ายเพราะตำรวจควรทำหน้าที่ของตำรวจ ไม่ควรมาเดินตามผู้บริหารโรงแรม

ทันทีกับข้อเสนอของแม่ทัพภาคที่ 4 เพียงแค่ ข้ามคืนบช.ภาค 8 ก็สั่งย้าย 2 ตำรวจไปปฏิบัติหน้าที่ที่ศูนย์ฝึกตำรวจภูธรภาค 8 พร้อมตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง

โดยพ.ต.อ.อโณทัย จินดามณี ผกก.สภ.ป่าตอง ระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นายนั้นคือด.ต.ธีรสิทธิ์ สันธารเดชา และจ.ส.ต.ภาราดร ผุดเผือก ตำแหน่ง ผบ.หมู่ สภ.ป่าตอง

ขณะที่พ.ท.สุรศักดิ์ พร้อมร.ต.วัฒนชัย ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับพ.ต.ท.เจษฎา แสงสุรีย์ รองผกก.(สอบสวน) สภ.ป่าตอง พร้อมหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่นำคลิปไปเผยแพร่และโพสต์ข้อความทำให้เสื่อมเสีย และสร้างความเสียหายให้กับกองทัพ ตามความผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

ขณะที่ตำรวจประสานกับบก.ปอท.เพื่อตรวจสอบผู้ที่นำคลิปดังกล่าวไปเผยแพร่ เพื่อจะได้ออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหา ตามความผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ต่อไป

ส่วนนายวิศิษฐ์ เอี่ยมวิโรจน์ฤทธิ์ กรรมการบริหารบริษัทป่าตอง พารากอน จำกัด ที่เป็นผู้บริหารโรงแรมที่อยู่ใน คลิปวิดีโอ ระบุว่า ไม่ได้โพสต์คลิปดังกล่าว เพียงแต่ส่งให้กับกลุ่มเพื่อนสนิทเท่านั้น ส่วนใครเอาไปโพสต์ หรือใส่ข้อความอะไรตนไม่ทราบ

แต่ยืนยันไม่ได้ตัดต่อคลิป และไม่ใช่ ผู้มีอิทธิพล และพร้อมชี้แจงทุกฝ่าย เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาภายในโรงแรม ที่ตนไล่พนักงานคนหนึ่งออก เนื่องจากขาดงาน 6 วัน ทำให้พนักงานคนดังกล่าวไม่พอใจ

แถมยังกลับมาโรงแรมทั้งที่มีการปิดประกาศห้ามเข้า

อย่างไรก็ตาม นายวิศิษฐ์ ทำหนังสือขอเลื่อนเข้าชี้แจงกับเจ้าหน้าที่ทหาร ที่เดิม นัดวันที่ 2 เม.ย.ไปเป็นไม่มีกำหนด

หลายฝ่ายยังรอความชัดเจน

จี้ตั้งกก.อิสระสอบข้อเท็จจริง

ขณะที่ภาคประชาสังคมก็จับตาเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด โดยนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรม นูญไทย ยื่นคำร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช.ตรวจสอบกรณีดังกล่าวด้วย

พร้อมระบุว่า ขอเสนอให้ตั้งหน่วยงานที่เป็นกลางเข้าตรวจสอบกรณีดังกล่าว เพื่อให้ประชาชนและสังคมเชื่อมั่นได้ว่าใครเป็นฝ่ายถูก หรือฝ่ายผิด เพราะกรณีนี้น่าจะมีเบื้องหน้าเบื้องหลังที่แต่ละฝ่ายบอกความจริงกันไม่หมด

เพราะอย่างผู้บริหารโรงแรมที่ถูกพาดพิงว่าเป็นผู้มีอิทธิพล ทั้งที่ผู้ประกอบการทั่วไปย่อมมีอำนาจในการลงโทษพนักงาน ที่ขาดงานเกินกว่ากฎหมายกำหนดอยู่แล้ว ซึ่งตามกฎหมายแรงงาน หากพนักงานลูกจ้างไม่พอใจ ก็สามารถใช้สิทธิ์ในการร้องเรียนกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน หรือฟ้องร้องต่อศาลแรงงานได้อยู่แล้ว แต่ทำไมถึงไปร้องศูนย์ดำรงธรรม ซึ่งอ้างว่าถูกข่มขู่คุกคาม

นอกจากนี้เมื่อฝ่ายความมั่นคงรับเรื่อง ก็ต้องตรวจสอบข้อมูลในเชิงลึกให้ถี่ถ้วนเสียก่อนที่จะบุกเข้าไปในโรงแรมจนเกิดเหตุพิพาทขึ้นมา

ทั้งนี้ยังสงสัยว่าเมื่อมีการร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมในลักษณะนี้ ทหารเข้าไปพิสูจน์ข้อเท็จจริงแบบเดียวกันกับที่จ.ภูเก็ตทุกรายหรือไม่ ดังนั้นการใช้อำนาจตามมาตรา 44 และคำสั่งคสช. ที่ 13/2557 จึงอาจไม่เป็นธรรมต่อคู่กรณีและไม่เหมาะสมต่อการใช้อำนาจ นายกฯและหัวหน้าคสช.จึงควรตั้งกรรมการอิสระ ขึ้นมาตรวจสอบทุกฝ่าย

จะได้มีข้อเท็จจริงอธิบายกับประชาชน

เป็นข้อเสนอที่น่าสนใจ เพื่อให้ความจริงปรากฏ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน