นุชจรี แรกรุ่น – สุเชษฐ์ แรกรุ่น – เรื่อง/ภาพ

พลันที่ข่าวเหตุการณ์คนร้ายจ่อยิง นายเลอศักดิ์ อนุศาสน์สุนทร หรือ “ศักดิ์ แหลมปี้” เซียนพระชื่อดังในพื้นที่ เสียชีวิตคา สวนปาล์มน้ำมัน หมู่ 2 ต.ปากพนังฝั่งตะวันตก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช สายตาทุกคู่ก็จับจ้องไปที่ นายวุฒิศักดิ์ ดวงศิริ อายุ 49 ปี กำนันตำบลปากพนังฝั่งตะวันตก ตำรวจใช้เวลารวบรวมพยานหลักฐานเพียงวันเดียว ก็ขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดปากพนังได้

ย้อนไปเมื่อวันที่ 3 เม.ย. ร.ต.อ.ศรศักดิ์ ใบบิเด็น รอง สว.(สอบสวน) สภ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งพบศพชาย ถูกยิงเสียชีวิตริมถนนข้างสวนปาล์มน้ำมัน ริมถนนบ้านบางลึก หมู่ 2 ต.ปากพนังฝั่งตะวันตก อ.ปากพนัง จึงประสานแพทย์เวร ร.พ. ปากพนัง รุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยพ.ต.อ.อิสกานดาร์ อามิน รองผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช พ.ต.อ.วสันต์ พวงน้อย ผกก.สภ.ปากพนัง ตำรวจฝ่ายสืบสวน และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิใต้เต็กตึ๊ง

ที่เกิดเหตุพบรถกระบะอีซูซุ ทะเบียน ตท-2828 กทม.จอดอยู่บนถนน ส่วนบนพื้นหญ้าใกล้กันพบศพ นายเลอศักดิ์ อนุศาสน์สุนทร เซียนพระชื่อดังฉายา “ศักดิ์ แหลมปี้” อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 40 หมู่ 2 ต.ปากพนังฝั่งตะวันตก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช

สภาพสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีขาวลายดำ สวมกางเกงยีนส์ขายาวสีเทา นอนหงายจมกองเลือดมีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าหน้าท้อง กลางหลัง และท้ายทอย รวม 3 นัด ใบหน้ามีบาดแผลถูกทุบด้วยของแข็ง 1 แผล

สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า นายเลอศักดิ์เป็นเจ้าของแผงขายพระอยู่ในตลาดปากพนัง ก่อนเกิดเหตุขับรถไปจ่ายค่าน้ำที่สำนักงานประปาเทศบาลเมืองปากพนังแล้วขับรถกลับบ้าน

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดคนร้ายน่าจะขับรถตามมาแล้วเรียกผู้ตายมาตกลงปัญหาบางอย่าง แต่ตกลงกันไม่ได้จึงใช้อาวุธปืนตบหน้าทำให้ผู้ตายพยายามวิ่งหนี ทำให้ถูกคนร้าย ยิงใส่ 3 นัดซ้อน เสียชีวิตคาที่ ซึ่งจะได้เร่งสอบสวนหาสาเหตุก่อนติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี

แม้นจะไม่มีพยานในที่เกิดเหตุ แต่ทีมสืบสวนคลี่คลายคดีพบหลักฐานสำคัญ เป็นกระดุมเสื้อเม็ดหนึ่งที่ตกอยู่ใกล้ๆ กับศพ ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจเป็นของคนร้ายที่ก่อเหตุ ขณะที่แนวทางการสืบสวนพุ่งเป้าไปที่ความขัดแย้งระหว่างผู้ตายกับนายวุฒิศักดิ์ ดวงศิริ อายุ 49 ปี กำนันตำบลปากพนังฝั่งตะวันตก กำนันแหนบทองหมาดๆ ด้วยคนในพื้นที่ก็ได้ข้อมูลตรงกันว่า

ทั้งคู่ขัดแย้งกันมานาน จนกระทั่งนายวุฒิศักดิ์ได้รับการเสนอชื่อให้รับรางวัลแหนบทอง ก็กลับมีใบปลิวออกมาโจมตี ซึ่งในใบปลิวดังกล่าวได้มีการกล่าวหาเกี่ยวกับพฤติกรรมของนายวุฒิศักดิ์ ไปในทางชู้สาว และยังฉ้อฉลทุจริต

โดยมีการส่งหนังสือร้องเรียนถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงมหาดไทย อธิบดีกรมการปกครอง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช และนายอำเภอปากพนัง และกำนัน ผู้ใหญ่บ้านทุกคน จนมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนวินัยร้ายแรงกับนายวุฒิศักดิ์

เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความโกรธแค้นให้กับกำนันแหนบทองคำเป็นอย่างมาก อีกทั้งเข้าใจว่านายเลอศักดิ์ เป็นแกนนำในการส่งเรื่องร้องเรียนตนเอง

ตำรวจพยายามติดต่อนายวุฒิศักดิ์เพื่อมาให้การ แต่ปรากฏว่าหายตัวไปไม่สามารถติดต่อได้ทำให้เป็นที่ต้องสงสัย ทีมสืบสวนตรวจค้นหาหลักฐาน จนในที่สุดสามารถเชื่อมโยงกระดุมที่พบในที่เกิดเหตุกับนายวุฒิศักดิ์ได้

วันที่ 4 เม.ย. ร.ต.อ.ศรศักดิ์ ใบบิเด็น รอง สว.(สอบสวน) สภ.ปากพนัง ก็รวบรวมพยานหลักฐานไปขออนุมัติศาลจังหวัดปากพนัง ออกหมายจับ นายวุฒิศักดิ์ ดวงศิริ อายุ 49 ปี ซึ่งเป็นกำนันตำบลปากพนังฝั่งตะวันตก

ในข้อหา “ฆ่าผู้อื่น มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว โดยไม่มีเหตุจำเป็นและ เร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์”

วันรุ่งขึ้นภายหลังรู้ว่าศาลจังหวัดปากพนังอนุมัติหมายจับกุม นายวุฒิศักดิ์พร้อมทนายความส่วนตัว ก็ดอดเข้ามอบตัวกับ พ.ต.อ.วสันต์ พวงน้อย ผกก.สภ.ปากพนัง ที่สภ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช พร้อมปฏิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนายเลอศักดิ์ถูกยิงเสียชีวิต จากนั้นเจ้าหน้าที่คุมตัวไปสอบสวนพร้อมคัดค้านการประกันตัวในชั้นสอบสวน

พ.ต.อ.วสันต์ เปิดเผยภายหลังสอบสวนปากคำว่า ในชั้นสอบสวนตำรวจจะไม่ให้ประกันตัว และจะรีบส่งตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดปากพนัง ซึ่งทางทนายความและญาติของกำนันวุฒิศักดิ์ จะดำเนินการขอประกันตัวในชั้นศาล ส่วนจะได้ประกันหรือไม่นั้นก็อยู่ที่ดุลพินิจของศาล

“ตำรวจได้ดำเนินการไปตามพยาน หลักฐาน ผิดก็ต้องได้รับโทษตามกฎหมาย โดยจะทำคดีนี้อย่างตรงไปตรงมา ส่วนสาเหตุมาจากเรื่องขัดแย้งส่วนตัว” พ.ต.อ. วสันต์กล่าว

ตำรวจนำตัวกำนันวุฒิศักดิ์ ไปส่งฝากขังที่ศาลจังหวัดปากพนัง พร้อมคัดค้านการประกันตัว ขณะเดียวกันญาติๆ ของนาย เลอศักดิ์ผู้ตาย ก็เดินทางมายื่นเรื่องคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากหวั่นเกรงอิทธิพล ทำให้ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัว

กำนันวุฒิศักดิ์ถูกส่งตัวไปควบคุมในเรือนจำ ขณะที่คดีความจะถูกหรือผิด ก็ไปพิสูจน์กันในศาล

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน