อดิศร จิตตเสวี – เรื่อง/ภาพ

โลกยุคปัจจุบันการซื้อของทางออนไลน์กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต ไม่ว่าจะต้องการอะไรเพียงแค่คลิกเดียว ก็มีสินค้ามาให้เลือกเป็นร้อยๆ รายการ สามารถเข้าถึงผู้ขายได้โดยตรง เห็นรูปสินค้าที่ต้องการ ผู้ซื้อหลายคนสมหวังได้ของที่ซื้อมาถูกใจ ขณะที่ร้านค้าในโซเชี่ยลผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ดเพื่อรองรับกับจำนวนลูกค้า

แต่ก็มีหลายรายที่ผิดหวัง สั่งซื้อไปแล้วไม่ตรงตามรูปที่ประกาศขายไว้

ด้วยความนิยมดังกล่าวจึงกลายเป็นช่องทางให้เหล่ามิจฉาชีพใช้หลอกลวงต้มตุ๋นเงินทองได้อย่างง่ายดาย จนกลายเป็นข่าวคราวประกาศล่าตัวกันทั่ว โซเชี่ยล แค่โพสต์ลงขายของ รูปก็เอาของชาวบ้านที่เขาลงโพสต์เอาไว้ พอมีลูกค้าสั่งซื้อไปแล้วโอนเงินไปให้ก็เชิดเงินไปเฉยๆ กว่าลูกค้าจะรู้ตัวก็ติดต่อ ไม่ได้ สูญเงินที่โอนไปฟรีๆ

สร้างความเดือดร้อนไปทั่ว จน เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องรีบดำเนินการจับกุมเพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน

ล่าสุดเมื่อวันที่ 6 เม.ย.ที่ผ่านมา ที่กองบังคับการศูนย์สืบสวนตำรวจ นครบาล พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ร่วมกันจับกุม ผู้ต้องหาหลอกขายเครื่องใช้ไฟฟ้า มิจฉาชีพฉ้อโกงออนไลน์ ที่เป็นที่ต้องการตัวมากสุด 1 ใน 10 ของประเทศได้

ผู้ต้องหาตัวแสบดังกล่าวคือ นายธนาวรรธน์ วงศ์เจริญศิริ อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงธนบุรี ที่ จ.44/2559 ลงวันที่ 21 ม.ค. 2559 ในข้อหา “ฉ้อโกง” โดย ผู้ต้องหามีหมายจับในข้อหาฉ้อโกงติดตัวทั้งหมด 8 คดี

นายธนาวรรธน์มีพฤติกรรมเข้าข่ายลักษณะเป็นการหลอกลวงประชาชน โดยโพสต์ขายของแล้วไม่มีสินค้าให้ก่อนจะปิดการโพสต์ ทำตัวเป็นขอมดำดินติดต่อไม่ได้อีก ถึงแม้แต่ละครั้งจะเป็นจำนวนเงินที่ไม่มากนัก แต่ก็สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนจำนวนหลายราย

พ.ต.อ.พรศักดิ์เปิดเผยรายละเอียดการจับกุมว่า ตามที่มีประชาชนร้องเรียนเข้ามาจำนวนมากว่ามีมิจฉาชีพหลอกลวงประชาชนโดยการหลอกขายสินค้าทางเว็บไซต์ เจ้าหน้าที่จึงได้สืบสวนหาตัวคนร้าย จนทราบว่าผู้ก่อเหตุคือนายธนาวรรธน์ ได้นำภาพสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า จากเว็บไซต์ www.gumtree.com

จากนั้นได้นำมาโพสต์ขายสินค้าในเว็บไซต์ www.kaidee.com หลอกลวงผู้เสียหายว่าตนเองมีสินค้า หลังจากนั้นก็จะมีคนหลงเชื่อติดต่อมาทางโทรศัพท์ หรือแช็ตไลน์ ก็จะหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินค่าสินค้าเข้ามาที่บัญชีตนเอง จากนั้นก็ปิดโทรศัพท์และไลน์หลบหนี

เบาะแสเดียวที่เจ้าหน้าที่มีคือเลขบัญชีที่เจ้าตัวเปิดเอาไว้ให้เหยื่อโอนเงินเข้ามา ซึ่งระบุที่อยู่ว่าอยู่ในจังหวัดสงขลา แต่เมื่อไปตรวจสอบความเคลื่อนไหวของบัญชี กลับพบว่ามีการกดเงินออกจากบัญชีดังกล่าว ที่ตู้เอทีเอ็มย่านฝั่งธนฯ

ตํารวจรีบลงพื้นที่สืบสวนจนพบว่านายธนาวรรธน์มาอยู่บ้านแฟนสาวที่ย่านดังกล่าว จึงติดตามจับกุมตัวไว้ได้

จากการสอบสวนพบว่าผู้ต้องหารายนี้ทำมานานประมาณ 6-7 ปีแล้ว มีหมายจับติดตัวถึง 8 หมาย แต่ก็ยังไม่เคยถูกจับกุมตัวได้ ขณะที่มูลค่าความเสียหายเป็นเงินนับล้านบาท โดยนายธนาวรรธน์ผู้ต้องหายังเป็นมิจฉาชีพติด 1 ใน 10 ที่ก่อเหตุมากที่สุดในประเทศ หากผู้ใดสงสัยว่าตนเองเคยเป็นเหยื่อของผู้ต้องหารายนี้สามารถเข้าแจ้งความร้องทุกข์ในท้องที่เกิดเหตุเพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหารายนี้ต่อไป

ขณะที่นายธนาวรรธน์หลังตกเป็นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ตนมีอาชีพขายปลาทะเลสวยงาม สาเหตุที่ทำลงไปก็เพราะว่าตนเองเคยสั่งของในลักษณะดังกล่าวแต่ก็ถูกโกงเหมือนกัน จึงเกิดความเจ็บแค้น แรกๆ ที่ก่อเหตุดังกล่าวก็เพื่อความสะใจ แต่พอเห็นว่าได้เงินง่ายก็ทำต่อมาเรื่อยๆ จนถูกจับได้

“แต่ก่อนที่จะถูกจับได้ผมก็ได้เลิกทำมาแล้วประมาณ 1 เดือน เนื่องจากผมป่วยด้วยโรคภูมิแพ้ตัวเองและชีวิตก็แย่ลงเรื่อยมา จึงคิดว่าเป็นผลกรรมที่ผมได้ทำไว้กับคนอื่น จึงตัดสินใจเลิกทำจนมาถูกตำรวจสืบสวนจับกุม” นายธนาวรรธน์สารภาพ

เจ้าหน้าที่ฝากไปถึงมิจฉาชีพที่ยังมีพฤติกรรมเช่นนี้ ว่า เจ้าหน้าที่จะไม่หยุดเพียงแค่นี้ งานนี้ยังมีอีกหลายรายที่ เจ้าหน้าที่ต้องติดตามตัวมาดำเนินคดี เพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน