สดจากสนามข่าว

หนึ่งฤทัย หนูสวัสดิ์ ธิดารัตน์ เศรษฐแสงศรี เรื่อง/ภาพ

สถานการณ์ยาเสพติดในประเทศไทย มีทั้งที่ระบาดในประเทศและใช้ไทยเป็นทางผ่านส่งออกไปสู่ประเทศต่างๆ เป็นหน้าที่หนักของเจ้าหน้าที่ทั้งทหาร ตำรวจ และหลายหน่วยต่างบูรณาการร่วมกันสกัดกั้น

เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 7 เม.ย. ร.ต.อ.ทองปอนด์ สีหานาม รองสว.สอบสวน สภ.เมืองสุพรรณบุรี รับแจ้งเหตุจาก พ.ท.ณปพงศธร วังตาล หน.ชุดปส.ศรภ.กองทัพไทย ว่าได้ วิสามัญฯ คนร้ายคดียาเสพติดรายหนึ่ง บริเวณถนนสายเลี่ยงเมือง ม.3 ต.ท่าระหัด อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี

จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.ท.ตะวัน วัฒนรังสรรค์ สวป. พ.ต.ต. ภุชงค์ ป้องศิริ สวป. ตำรวจชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.สุพรรณบุรี สมาคมเณรแก้วกู้ภัยทางหลวงสุพรรณบุรี และแพทย์เวร ร.พ. เจ้าพระยายมราช

ที่เกิดเหตุพบศพ นายราเชนทร์ ศรีเหรา อายุ 58 ปี ชาว อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี เจ้าของฉายา “เชนทร์ อู่ทอง” ถูกกระสุนปืนของเจ้าหน้าที่เข้าบริเวณหน้าอก นอนเสียชีวิตอยู่ริมถนน สภาพศพสวมเสื้อยีนส์ กางเกงยีนส์ พบอาวุธปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์ พร้อมกระสุนเบอร์ 20 และยาบ้า 8 มัด จำนวน 16,000 เม็ด

พ.ท.ณปพงศธร หน.ชุดจับกุมเปิดเผยว่า เป็นการล่อซื้อยาบ้าจากเอเยนต์ยาเสพติด ซึ่งมีการติดตามขยายผลขบวนการมานาน กระทั่งสามารถเข้าถึงตัวนายราเชนทร์ โดยได้ส่งสายลับเข้าล่อซื้อที่ จ.เพชรบุรี จากนั้นได้เปลี่ยนสถานที่นัดเป็นจ.ราชบุรี และจ.นครปฐม จนกระทั่งล่าสุดเปลี่ยนมาเป็นนัดส่งกันที่จุดเกิดเหตุที่จ.สุพรรณบุรี

เมื่อสายลับมารอตามนัดนายราเชนทร์ขับรถเก๋งสีดำมากับเพื่อนอีกคนและได้ส่งมอบยาให้กับสายลับ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำกำลังแสดงตัวเข้าจับกุม ปรากฏว่าผู้ต้องหาทิ้งถุงยาและชักปืนออกมาจะยิงต่อสู้ เจ้าหน้าที่จึงยิงสวนไป 1 นัดจนถูกเข้าอย่างจังนายราเชนทร์ล้มลงเสียชีวิตทันที ส่วนเพื่อนอีกคนที่มาด้วยรีบขับรถเก๋งหลบหนีไปทันที

จากการสอบประวัติผู้ตาย เบื้องต้นเป็น เอเยนต์ยาบ้ารายสำคัญ โดยจะมีการส่งยาให้กับลูกค้าในหลายจังหวัด และจะนัดส่งยาให้กับลูกค้าในพื้นที่ภาคกลาง กระทั่งมาถูกปิดบัญชีดังกล่าว

ขณะที่สถานการณ์ตามแนวตะเข็บชายแดนภาคเหนือ พล.ท.วิจักษ์ สิริบรรศพ แม่ทัพภาค 3 และ พล.ต.จีรเดช กมลเพชร ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรึงกำลังตามแนวชายแดนจุดทางเท้า เพื่อสกัดกั้นกลุ่มผู้ลักลอบขนยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่ชายแดนไทย

หลังการข่าวแจ้งว่ากลุ่มผลิตยาบ้าจ่อลักลอบนำยาบ้าประมาณ 700,000 เม็ดเข้ามาในพื้นที่ประเทศไทย กระทั่งเช้ามืดวันที่ 8 เม.ย พ.อ.จิตรพล รุจานันท์ ผู้บังคับกองบังคับการทหารพรานศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาค 3 กกล.ผาเมือง นำกำลังเจ้าหน้าที่ทหารออกสกัดกั้นกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ในพื้นที่บ้านอาแบะ ม.11 ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่

โดยกำลังเจ้าหน้าที่ออกลาดตระเวนบริเวณแนวชายแดนจนถึงเวลาประมาณ 04.00 น. ได้พบกลุ่มขบวนการจึงเกิดการปะทะกันขึ้นกินเวลานานกว่า 15 นาที เสียงปืนจากฝั่งคนร้ายจึงสงบลง

เจ้าหน้าที่รอจนถึงช่วงฟ้าสางจึงเข้าตรวจสอบพื้นที่ปะทะ พบคราบเลือดหยดเป็นทางแต่ไม่พบศพหรือผู้บาดเจ็บ มีเพียงยาบ้า 100,000 เม็ด ถูกบรรจุอยู่ภายในกระเป๋าเป้ที่กลุ่มผู้ลักลอบทำตกไว้ จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน พร้อมประสานกำลังจากตำรวจ สภ.แม่อาย และตชด.ที่334 เข้าสนับสนุนตรึงกำลังทางช่องทางด้านตีนเขา

จนกระทั่งเวลา 13.30 น. เจ้าหน้าที่จึงถอนกำลังออกจากพื้นที่เกิดเหตุ คาดการณ์ว่ากลุ่มคนร้ายน่าจะถูกยิง และมีกลุ่มสนับสนุนมาให้ความช่วยเหลือพาออกจากจุดเกิดเหตุ และสามารถที่จะนำเอายาบ้าที่ขนมาล่าถอยกลับเข้าไปในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านได้

ถัดมาอีกวันเดียว โดยเมื่อวันที่ 9 เม.ย. นายพิสุทธิ์ บุษยพรรณพงศ์ ผวจ.บึงกาฬ พล.ต.ต.ทิวา บุญดำเนิน ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ และ นายจรูญ บุหิรัญ นายอำเภอบุ่งคล้า พ.ต.อ.ธำรงชัย ไล้ทองดี ผกก.สภ.บุ่งคล้า น.ท.ชำนาญ บัวจูม หัวหน้าสถานี เรือนรข.บึงกาฬ ร.ท.คำรณ คุ้มเขต ผบ.ร้อยทหารพรานที่ 2106

ก็ร่วมกันแถลงจับกุม นายสถาพร คงเกื้อ อายุ 25 ปี บ้านอยู่ จ.พัทลุง และ นายสอนพัน ปะทำมะวง อายุ 28 ปี ชาวลาวพร้อมของกลางกัญชา 29 กระสอบ น้ำหนักรวม 1,197 ก.ก. มูลค่าประมาณ 35 ล้านบาท รถยนต์กระบะมิตซูบิชิ สีเทา ทะเบียน 1 ฒผ 6723 กทม.

การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่สืบทราบว่าขบวนการค้ายาเสพติดจะลำเลียงกัญชาข้ามมาจากประเทศลาว ที่บ้านหนองเดิ่นท่า ต.หนองเดิ่น อ.บุ่งคล้า จ.บึงกาฬ จึงสนธิกำลังวางแผนเฝ้าจับกุมจนกระทั่งพบเรือหาปลาติดเครื่องยนต์ 2 ลำวิ่งเข้ามาจอดริมตลิ่ง

จากนั้นมีชายฉกรรจ์ 15 คนแบกกระสอบขึ้นมาใส่รถกระบะ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม แต่ชายที่ข้ามฝั่งมากระโดดลงเรือหนีไปได้ 14 คน ส่วนรถกระบะขับหลบหนีไปโดยมีชายที่มากับเรือกระโดดขึ้นท้ายกระบะไปด้วย

เจ้าหน้าที่จึงขับรถไล่ตามแล้วใช้ปืนยิงใส่ล้อหน้าซ้ายสกัดการหลบหนีทำให้ชายคนขับตัดสินใจทิ้งรถหลบหนีไป โดยพบนายสอนพัน ยอมมอบตัวพร้อมของกลาง จากนั้นเจ้าหน้าที่ออกติดตามจับกุมนายสถาพรได้ขณะจ้างรถชาวบ้านพาหลบหนี พร้อมรับสารภาพว่าถูกว่าจ้างเป็นเงิน 8 หมื่นบาทให้ขับรถมารับกัญชาไปส่งกลุ่มค้ากัญชาที่ภาคใต้ เพื่อเตรียมส่งขายในช่วงเทศกาลสงกรานต์แต่มาถูกจับกุมเสียก่อน

ที่ยกมาเป็นตัวอย่างแค่ 3 คดีที่น่าสนใจ ในรอบ 3 วัน แต่การทำงานของเจ้าหน้าที่นั้น ที่ต้องทำงานเสี่ยงชีวิตต่อเนื่องอยู่ทุกวัน ก็ด้วยหวังให้ลูกหลานรอดปลอดภัยจากยาเสพติด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน