ความจริงที่มาจาก 2 คนในประชาธิปัตย์

ชกไม่มีมุม

วงค์ ตาวัน

ถ้าย้อนดูการทำหน้าที่ของ นายนคร มาฉิม ขณะดำรงตำแหน่งส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ในช่วงก่อนเกิดวิกฤตการเมืองปลายปี 2556 และลงเอยเป็นรัฐประหารล้มประชาธิปไตยในปี 2557

จะพบว่า การทำหน้าที่ในสภาช่วงนั้น ยึดในแนวทางประชาธิปไตยชัดเจน

ไม่ได้ร่วมโห่ประท้วง ขว้างปาข้าวของ ยกเก้าอี้ทุ่ม เหมือนกับส.ส.บางกลุ่มในประชาธิปัตย์

โดยพฤติกรรมปั่นป่วนกลางสภาเหล่านั้น เสมือนทำให้สภาผู้แทนฯ ดูเลวร้ายสุดขีด!

คล้ายจะบอกว่า สมควรให้ทหารเข้ามายึดอำนาจได้แล้ว ทำนองนั้น

แต่ส.ส.ประชาธิปัตย์ ก็ไม่ได้ร่วมกระทำเช่นนั้นทั่วทุกคน รวมทั้งนายนคร มาฉิม ด้วย!!

ดังนั้น ความจริงจากนายนคร มาฉิม ล่าสุด ที่บอกเล่าถึงกระบวนการร่วมสร้างวิกฤตการเมือง เพื่อให้บ้านเมืองเข้าสู่ทางตัน

ออกการ์ดเชิญทหารให้ออกมา

เพื่อโค่นล้มทักษิณครั้งหนึ่ง และเพื่อโค่นล้มยิ่งลักษณ์อีกครั้งหนึ่ง

เป็นความจริงจากคนในประชาธิปัตย์ ซึ่งมีจุดยืนชัดเจนเห็นมาตลอดว่า อยู่ฝ่ายเชื่อมั่นในประชาธิปไตยจริงๆ

คนที่เชื่อมั่นประชาธิปไตย จะไม่ยอมรับการรัฐประหารเด็ดขาด

รวมทั้งไม่มีใครเชื่อหรอกว่า เพราะบ้านเมืองไปไม่ได้จริงๆ ทหารจึงต้องออกมา!?!

แต่เพราะมีขบวนการทำให้บ้านเมืองเข้าสู่ทางตัน สร้างสถานการณ์เพื่อให้ทหารออกมา มากกว่า

สร้างสถานการณ์ แต่ไม่ใช่วิกฤตตามธรรมชาติ

คงจำกันได้ว่า คนของประชาธิปัตย์บางคนชอบพูดว่า เพราะพฤติกรรมของเพื่อไทยนั่นแหละ ทำให้มีเงื่อนไขไปสู่การรัฐประหาร

จนโดนตอบโต้ว่า นักประชาธิปไตยจริง ยอมรับได้ด้วยหรือว่า รัฐประหารมีเงื่อนไขให้ทำได้!

ความจริงจากนายนคร มาฉิม บอกว่า มีขบวนการล้มรัฐบาลเพื่อไทย

ทำให้เห็นภาพแกนนำประชาธิปัตย์กลุ่มหนึ่ง ก่อม็อบนกหวีด และไม่ยอมรับทางออกที่รักษาประชาธิปไตย เมื่ออีกฝ่ายยอมยุบสภา แค่นี้ก็ชัดว่า เป่านกหวีดเรียกรถถัง

ย้อนไปเมื่อปี 2556 ก็เคยมีกรณี นายอลงกรณ์ พลบุตร เสนอให้พรรคประชาธิปัตย์ต้องปฏิรูปตัวเอง

โดยเปิดความจริงว่า เพราะที่แพ้พรรคฝ่ายทักษิณนั้น ด้วยไม่มีนโยบายครองใจชาวบ้าน เลิกอ้างได้แล้วว่า เราแพ้เพราะเขาซื้อเสียง

จากอลงกรณ์ มาถึง นคร มาฉิม เป็นความจริงจาก 2 คนในประชาธิปัตย์ ที่เป็นเรื่องต่อเนื่องกัน!

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน