แผน คลายล็อก ทางสะดวก สามมิตร “พลังดูด” อีสาน

 

พลันที่กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองทัพภาคที่ 2 ออกมาการันตีว่าการพบปะระหว่างนักการเมืองด้วยกันเป็นสิ่งที่สามารถทำได้

บรรดา “นักการเมือง” ต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก

แม้ว่าเป็นการพูดมาจากกองทัพภาคที่ 2 ซึ่งครอบคลุมเฉพาะในพื้นที่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แตก็ถือว่าเป็นบรรทัดฐานที่ดีในทางการเมือง

เป้าหมายอาจเพื่อการันตีให้กับ “กลุ่มสามมิตร”

เพราะภารกิจเฉพาะหน้าของ “กลุ่มสามมิตร” คือ ใช้พลังแห่งการดูดรวมศูนย์ไปยังอดีตส.ส.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือให้ได้มากที่สุด

จึงจำเป็นต้องได้ “ไฟเขียว” อย่างมีนัยสำคัญ

แม้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเคยออกมาปฏิเสธบทบาทของทหารในการใช้ “พลังดูด” ทางการเมือง

เช่นเดียวกับ คำปฏิเสธของ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท

แต่ก็ต้องยอมรับว่า หากไม่ได้รับการผ่อนปรนในแบบหลิ่วตาข้างหนึ่งของทหารก็ยากเป็นอย่างยิ่งที่ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน จะเคลื่อนไหวได้อย่างปลอดโปร่งโล่งใจ

ไม่ว่าจะโดยการเปิดรีสอร์ตดูดที่จังหวัดเลย

ไม่ว่าจะโดยการต่อสายเข้าไปยัง นายจำลอง ครุฑขุนทด และ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ เพื่อเสริมสร้าง “พลังโคราช”

เพราะทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ในพื้นที่ของ “ทหาร”

หากเปรียบเทียบกับการแสดงบทบาท 2 บทบาทของเจ้าหน้าที่รัฐต่อบรรยากาศก่อนการประชุม ครม.สัญจร ที่อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ยโสธร

กล่าวคือ 1 บทบาทในการไปล็อกตัว “อาจารย์”

ขณะเดียวกัน 1 บทบาทในการเปิดไฟเขียวให้ นายสุพล ฟองงาม นำทีมอดีตส.ส.แต่งสูทไปรอต้อนรับคณะของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ก็จะมองเห็นความแตกต่างอย่างเด่นชัด

เพราะถ้าไม่มีเสียงจากกองกำลังรักษาความสงบ กองทัพภาคที่ 2 ก็ยากเป็นอย่างยิ่งที่จะอธิบายบทบาทของ นายสุพล ฟองงาม และคณะได้อย่างชอบธรรม

ต้องขอบคุณบทบาทของ “กลุ่มสามมิตร”

บทบาทของ “กลุ่มสามมิตร” ได้มีส่วนอย่างสำคัญในการ “คลายล็อก” ในทางการเมือง อย่างน้อยก็ในพื้นที่บางพื้นที่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

เพราะหากไม่มีการ “คลายล็อก” แผนของ “พลังดูด” ก็จะสะดุด

บนพื้นฐานที่จะทลายฐานกำลังของพรรคเพื่อไทยให้อ่อนแอ ยวบยาบลงเป็นลำดับในภาคตะวันออกเฉียงเหนือจึงจำเป็นต้องเปิด “ไฟเขียว”

เพียงแต่ “ไฟเขียว” อาจให้แต่เพียง “กลุ่มสามมิตร” เท่านั้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน