ปิดคดีฆาตกรรมอำพราง ชิงเงินหนุ่มช่างทอง ศพยัดเก๋งทิ้งแม่น้ำ

สดจากสนามข่าว

ศุภมาศ จงสกุล เรื่อง-ภาพ

“ผมฆ่านายโอภาส จริงเพราะต้องการเงิน!! นายโมโม พ่อค้าขายน้ำปั่นชาวพม่า รับสารภาพกับตำรวจ ขณะถูกเค้นสอบนานกว่า 10 ชั่วโมง บนโรงพัก สภ.ทองผาภูมิ ตั้งแต่เย็นวันที่ 11 ก.ย. ต่อเนื่องจนเกือบเช้าของอีกวัน จึงบรรลุผลคลี่ปมฆาตกรรมอำพรางได้ในที่สุด หลังพบศพช่างทำทอง ถูกฆ่าโหดยัดรถเก๋งทิ้งเหวลึกให้จมอยู่ก้นแม่น้ำ

จุดเริ่มต้นคดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ เกิดขึ้นกลางดึกวันที่ 10 ก.ย. เมื่อชาวบ้านไปพบรอยล้อรถยนต์จากริมถนนลงเหวลึกตกลงไปในแม่น้ำแควน้อย พื้นที่หมู่ 3 บ้านปรังกาสี ต.ลิ้นถิ่น อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี

พ.ต.อ.วุฒิพงษ์ เย็นจิตต์ ผกก.สภ.ทองผาภูมิ ร.ต.สุจินต์ ศรีวิเชียร นายอำเภอทองผาภูมิ พ.ต.ท.อภิรัตน์ เปี่ยมพูล ผบ.ร้อย ตชด.135 นาย จิรชัย ถนอมวงศ์ นายกเทศบาลตำบลท่าขนุน พร้อมด้วย นายเฉลิมพนธ์ หงษ์ยนต์ ประธานชมรมนักประดาน้ำภาค 7 ร่วมกันเข้าตรวจสอบ ก็พบว่าต้นไม้ต้นหญ้าหักลู่ไปเป็นทางจากเหวลงไป

นักประดาน้ำภาค 7 ขึ้นเรือยางออกลงงมจุดที่คาดว่าอาจจะมีตกลงไปจมอยู่ก้นแม่น้ำท่ามกลางกระแสน้ำเชี่ยวกราด ครึ่งชั่วโมงก็เจอรถเก๋งฮอนด้าซิตี้ สีขาว ทะเบียน 1 กษ 8213 กทม. จมอยู่ใต้น้ำลึกกว่า 6 เมตร เบาะหน้าซ้ายมีศพชายติดคาอยู่ จึงกู้ศพขึ้นมาตรวจสอบ ทำให้ความจริงกระจ่างว่าไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นคดีฆาตกรรมอำพราง ตามบาดแผลรูกระสุนปืนกลางหน้าอก 3 นัด ราวนมขวาอีก 1 นัด

เหยื่อคมกระสุน คือ นายโอภาส ชาวสวน อายุ 45 ปี ช่างทำทอง ประจำร้านทองในอำเภอทองผาภูมิ หลังภรรยามายืนยันศพสามีสภาพน้ำตานองหน้า ระบุ นอกจากสามีจะมีอาชีพเป็นช่างทำทองแล้ว ยังรับซื้อเศษทองนำไปขายเก็งกำไร รวมทั้งชักชวนญาติๆ ร่วมกันลงทุนด้วยเพราะเห็นว่าได้กำไรดี โดยหายตัวไปพร้อมรถเก๋งกับเงิน 9 แสนบาทที่ตนโอนมาให้ตามที่สามีบอกจะนำไปซื้อกับชายคนหนึ่ง เมื่อวันที่ 9 ก.ย. หลังเลิกงานเวลา 5 โมงครึ่ง

10 โมงเช้าวันรุ่งขึ้น ผกก.สภ.ทองผาภูมิ พร้อม ตำรวจ ตชด.135 ทหารฉก.ลาดหญ้า และมูลนิธิกู้ภัยกาญจนบุรี ร่วมกันกู้รถเก๋งจากก้นแม่น้ำขึ้นมาตรวจสอบ พบกระสุนปืนขนาด 9 ม.ม. ตกอยู่บนที่วางเท้าเบาะหลัง 1 นัด ส่วนหลังเบาะคนขับมีรอยกระสุนปืนยิงทะลุ 4 รู ในยางอะไหล่ท้ายรถยังพบมีเงินสด 8 แสนบาทถูกซุกซ่อนอยู่

ตํารวจชุดสืบสวนโรงพักทองผาภูมิ ชุดสืบสวนภูธรจังหวัด และชุดสืบสวนภาค 7 แบ่งงานกระจายกำลังลงพื้นที่สืบสวนหาเบาะแส ตามที่ พล.ต.ต.สุรนิตย์ พรหมบุตร ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี สั่งการให้จับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว เชื่อว่าน่าจะรู้จักสนิทสนมกับผู้ตายเป็นอย่างดี พร้อมเช็กการติดต่อทางโทรศัพท์มือถือผู้ตาย จนได้ข้อมูลหมายเลขสุดท้ายที่ติดต่อด้วยเป็นของนายโมโม พ่อค้าขายน้ำปั่น ชาวพม่า จึงถูกนำตัวมาสอบสวนในฐานะผู้ต้องสงสัยทันที เมื่อพ.ต.ท.มนตรี แตงโต รอง ผกก.ป. สภ.ทองผาภูมิ นำกำลังเข้าควบคุมตัวได้ในพื้นที่ ต.หินดาด อ.ทองผาภูมิ

เมื่อถูกเค้นสอบอย่างหนัก พ่อค้าน้ำปั่นก็ยอมคายความจริง ว่าลงมือฆ่าช่างทำทองเพราะต้องการเงิน ทำเพียงคนเดียวไม่มีใครร่วมลงมือด้วย

“ผมเคยนำทองไปขายร้านทอง ที่นายโอภาสทำงานอยู่ จนรู้ว่านายโอภาสรับซื้อทองด้วย จึงวางแผนบอกมีทองจะขายให้ในราคาถูก เมื่อเหยื่อหลงเชื่อก็โทรศัพท์นัดให้นำเงินไปซื้อขายทองกันบริเวณใกล้วัดปรังกาสี ที่อยู่ไม่ห่างแม่น้ำแควน้อยมากนัก เย็นวันนั้นนายโอภาสขับรถเก๋งมาตามนัด ผมขึ้นไปนั่งเบาะหน้าซ้ายอ้างทองคำอยู่กับเพื่อนต้องขับรถไปเอา พอถึงทางเปลี่ยวไม่มีบ้านคน ก็ออกอุบายให้จอดทำทีขอโทรศัพท์แล้วลงจากรถไปเปิดประตูหลังหยิบปืนขนาด.38 ในกระเป๋าที่วางไว้เบาะหลังยิงทะลุเบาะ เข้ากลางหลังนายโอภาส 4 นัดเสียชีวิตคาที่ ก่อนล้วงเอาเงิน 7 หมื่นบาทที่เจอในกระเป๋า ย้ายศพไปไว้เบาะซ้าย ปลดเกียร์ว่าง ผลักรถไหลลงเหวตกลงไปในแม่น้ำ เสร็จแล้วเดินย้อนกลับไปที่โรงเรียนปรังกาสี ขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน” หนุ่มพม่าสารภาพ

แม้คดีนี้ได้ตัวคนร้ายพร้อมพยานหลักฐานครบครัน แต่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อว่าจะลงมือเพียงคนเดียว น่าจะต้องมีผู้สมรู้ร่วมคิดหรือร่วมฆ่าด้วย ดังนั้นการสืบสวนยังคงดำเนินต่อไปเพื่อหาข้อเท็จจริง แต่ที่แน่ๆ นายโมโมนั้นเกมโอเวอร์เพราะความละโมบ ปิดฉากอิสรภาพตัวเองเรียบร้อยแล้ว