วิเคราะห์การเมือง
ทั้งๆ ที่ไม่ว่ารองโฆษกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ว่าผู้บังคับการกองปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
ยืนยันตรงกัน
1 มีการแฮ็กเข้าไปยังหลายหน่วยงานในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขณะเดียวกัน 1 ยังไม่มีการแจ้งความร้องทุกข์หรือกล่าวหาในเรื่องเกี่ยวกับการแฮ็ก
แต่แถลงจาก “คสช.” และ “ทบ.” ก็ยืนยัน
ยืนยันว่าได้จับกุมผู้ต้องสงสัยในความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีไปแล้วจำนวน 5 คน ตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม และขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนที่มทบ.11
ถามว่า “ปรากฏการณ์” นี้สะท้อนอะไร
คำตอบที่ตรงเป้าอย่างที่สุดก็คือ สะท้อนให้เห็นว่า “ปรากฏการณ์” การล่วงล้ำเข้าไปในเว็บไซต์ของหน่วยราชการได้เกิดขึ้นจริง มิได้เป็นเรื่องคุยโวโอ้อวดอย่างว่างเปล่าและเลื่อนลอย
แสดงว่าเรื่องในทาง “ออนไลน์” ได้ปรากฏ “เป็นจริง”
อย่าได้แปลกใจหากสื่อ “กระแสหลัก” โดยเฉพาะอย่างยิ่งสื่อหนังสือพิมพ์อันถือกันว่าเป็น “สื่อกระดาษ” ได้ให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวนี้มากขึ้น
เพราะมีความเข้มข้นมากกว่า “ธรรมกาย”
อาจจะเนื่องจากกรณีอันเกี่ยวกับ “วัดพระธรรมกาย” ไม่ว่าดีเอสไอ ไม่ว่าตำรวจล้วนตกอยู่ในอาการเงื้อค้าง ละล้าละลัง ไม่สามารถเจาะทะลวงเข้าไปได้มากกว่านี้
เสียงตำหนิต่อ “พศ.” หรือสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจึงดังอึงคะนึง
ตรงกันข้าม บทบาทของ “พลเมืองต่อต้าน ซิงเกิลเกตเวย์” กลับปรากฏกิจกรรมต่อเนื่องเป็นรายวัน ตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคมเรื่อยมา เดี๋ยวก็ไปโผล่ที่ทำเนียบรัฐบาล เดี๋ยวก็ไปโผล่ที่กระทรวงกลาโหม เดี๋ยวก็ไปโผล่ที่กระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยว ไม่เว้นแม้กระทั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกองทัพบก
เป็นปฏิบัติการเหมือนกับเสียงของ “ยุง” บินวนก่อนร่อนลง “กัด”
เป็นที่รับรู้มาตั้งแต่กลางปี 2558 มาแล้วถึงบทบาทของ “พลเมืองต่อต้าน ซิงเกิลเกตเวย์” แต่มาเข้มข้นก็เมื่อสนช.ยกมือเป็นฝักถั่ว 168 เสียงผ่านพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
ทั้งๆ ที่มีกว่า 360,000 คนร่วมกัน “คัดค้าน”
เพราะการลงมติของสนช. เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม นั้นเองได้ก่อให้เกิดปฏิบัติการ “เด็กปาก้อนหิน : F5” ในวันที่ 18 ธันวาคม และต่อเนื่องมากระทั่ง ณ วันนี้
การปาก้อนหิน “หน่วยราชการ” เกิดขึ้นแห่งแล้ว แห่งเล่า
กระทั่ง นำไปสู่การจับกุมผู้ต้องสงสัย 5 คน กระทั่ง นำไปสู่การจัดทำ “เว็บปลอม” เบี่ยงเบนและหวังดิสเครดิต “พลเมืองต่อต้าน ซิงเกิลเกตเวย์” จะขยายขอบเขตจากที่เคยอยู่ในโลกออนไลน์ เข้าไปอยู่ในสื่อกระแสหลักโดยเฉพาะ “สื่อกระดาษ” มากยิ่งขึ้น
อย่างน้อยก็ตีกรรเชียงจากปลายปี 2559 กระทั่งปี 2560
