คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง : สัมผัส ความเงียบ ภายใน “พลังประชารัฐ” กับ “กลุ่มสามมิตร”
สัมผัส ความเงียบ ภายใน “พลังประชารัฐ” กับ “กลุ่มสามมิตร” – การขยับขับเคลื่อนของนักการเมืองโดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดา “อดีตส.ส.” ไม่ว่าที่สัมผัสผ่านพรรคชาติไทยพัฒนา ไม่ว่าที่สัมผัสผ่านพรรคภูมิใจไทย มากด้วยความละเอียดอ่อน
พลันที่ตระกูล “สะสมทรัพย์” เข้าไปในพรรคชาติไทยพัฒนา
ไม่เพียงแต่ส่งผลสะเทือนทำให้คณะนำที่เคยกำหนดวาง นายวราวุธ ศิลปอาชา ในฐานะ “ยังบลัด” ต้องหมดบทบาท
และคนที่เข้ามาแทนที่เป็นผู้ที่อาวุโสยิ่งกว่า
ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าพรรคอย่าง น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ไม่ว่าจะเป็นเลขาธิการพรรคอย่าง นายประภัตร โพธสุธน
หากแต่หลายคนก็ต้องหาที่หาทางใหม่
น่าสนใจก็ตรงที่ระหว่างพรรคชาติไทยพัฒนากับพรรคภูมิใจไทยเหมือนกับเป็นอีกพื้นที่ของการเลือกซึ่งดำเนินไปอย่างชนิดสลับสับเปลี่ยน
อย่างเช่นคนของตระกูล “สะสมทรัพย์”
อย่างเช่นคนของตระกูล “ไทยเศรษฐ์”
ขณะที่ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ออกจากพรรคชาติไทยพัฒนาเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งภายในพรรคภูมิใจไทย
คนของตระกูล “สะสมทรัพย์” ก็เข้ามาอยู่พรรคชาติไทยพัฒนา
แม้ว่าก่อนหน้านี้เชื่อกันว่าตระกูล “สะสมทรัพย์” อาจเลือกไปยังพรรคภูมิใจไทย มิใช่พรรคชาติไทยพัฒนา อย่างที่เห็นและเป็นอยู่
ถามว่าหากพรรคพลังประชารัฐเนื้อหอมเพราะว่าเป็นพรรคอัน “คสช.” ถือว่าเป็นกระดานหกให้กับการสืบทอดอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
แล้วทำไม “นักการเมือง” บางคนจึงหลีกเลี่ยง
ไม่ว่าตระกูล “สะสมทรัพย์” ไม่ว่าตระกูล “ไทยเศรษฐ์” ในเบื้องต้นก็คาดหมายว่าอาจจะเดินตามตระกูล “คุณปลื้ม” เข้าไปยังพรรคพลังประชารัฐ
แต่ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ก็เลือกพรรคภูมิใจไทย
เช่นเดียวกับ คนในตระกูล “สะสมทรัพย์” หันหัวเรือออกจากพรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย มาลงหลักปักฐานอยู่ที่พรรคชาติไทยพัฒนา
ทั้งภูมิใจไทย ทั้งชาติไทยพัฒนาจึงอยู่ในจุดอันเป็น “ตัวแปร”
ที่น่าจับตามองยิ่งกว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่ม “สะสมทรัพย์” หรือกลุ่ม “ไทยเศรษฐ์” คืออดีตส.ส.หลายคนที่เคยอยู่ในวงจรพลังดูดของ “กลุ่มสามมิตร”
อย่าว่าแต่กลุ่ม นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข แห่งจังหวัดเลย เลย
แม้กระทั่ง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน และ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งเคยแสดงบทบาทอย่างอึกทึก ก่อนหน้านี้แล้วพลันกลับเงียบเชียบเหมือนไร้ตัวตน
ถามว่ายังชื่นมื่นอยู่กับ “พลังประชารัฐ” หรือไม่
อ่่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
