ชกไม่มีมุม : ซื้อเสียงต้นเหตุปฏิวัติ ยังคิดเชยๆอยู่อีกหรือ
ชกไม่มีมุม ซื้อเสียงต้นเหตุปฏิวัติ – มีทัศนคติเชยๆให้ได้ยินกันอีกแล้ว คราวนี้ออกมาจากบุคคลระดับประธานกกต. ซึ่งได้พูดถึงการเลือกตั้งทุกครั้ง จะมีเสียงครหาเรื่องการซื้อเสียง ทำให้ไม่ได้ผู้แทนฯที่เป็นปากเสียงของประชาชนอย่างแท้จริง จากนั้นก็มีการถอนทุนคืน
จนเป็นที่มาของการยึดอำนาจล้มรัฐบาล ล้มรัฐธรรมนูญ!?
ก็คือคำพูดของนายอิทธิพร บุญประคอง ในงานเสวนาทางวิชาการว่าด้วยการเลือกตั้งเมื่อไม่นานมานี้
เจตนาคงพยายามอธิบายว่า ในการเลือกตั้งหนนี้ กกต.จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด โดยเฉพาะการป้องกันการซื้อเสียง แต่กลับอธิบายถึงปัญหาการเลือกตั้ง ว่ามีข้อครหาการซื้อเสียง ลงเอยก็ถอนทุนคืน จนเป็นเหตุให้เกิดรัฐประหาร
ซึ่งอันที่จริงก็มีหลายคนที่มองปัญหาการเมืองไทยแบบนี้ แต่ก็มีข้อโต้แย้งมากมาย
จนทำให้หลายคนปรับแนวคิดในประเด็นที่มาของการรัฐประหารใหม่แล้ว!
ก็คือ การทุจริตของนักการเมืองนั้นมีแน่ แต่ไม่ใช่แก้ด้วยการรัฐประหาร เพราะจะทำให้ปัญหายิ่งหนักหนาสาหัส เพิ่มขึ้น
อีกทั้งก่อนจะมีรัฐประหาร ก็มักจงใจสร้างกระแสนักการเมืองคดโกงเลวร้ายให้มากเกินกว่าความเป็นจริง
เพื่อทำให้สังคมเอือมระอานักการเมือง
จนเข้าทางขบวนการสมคบคิดยึดอำนาจล้มประชาธิปไตย!
คำกล่าวของนายอิทธิพรในงานเสวนาดังกล่าว ยังบอกด้วยว่า ประเทศไทยมีปฏิวัติมาแล้ว 13 ครั้ง โดยโยงกับเสียงครหาว่ามีการซื้อเสียง เป็นวังวนทางการเมืองไทย 86 ปี จนคนอื่นเรียกกันว่าเป็นประชาธิปไตยแบบไทยๆ
พูดแบบนี้ ยิ่งตอกย้ำให้เห็นถึงแนวคิด การยอมรับว่ารัฐประหาร มีสาเหตุให้ทำได้!?
ถ้าคิดอย่างนี้ เราก็คงหลุดไม่พ้นวังวนการถอยหลังประชาธิปไตย
แล้วถามจริงๆ ไม่รู้เลยหรือว่า ประเทศไทย 4 ปีที่ผ่านมานั้น ถูกโลกปิดกั้น ทำให้เศรษฐกิจการค้าทรุดตัวขนาดไหน
ทุกวันนี้ทุกพรรคออกเดินสายพบปะประชาชน ก็ต้องมีประเด็นผู้คนบ่นกันทุกตลาด ทุกถนน ว่ารายได้ไม่ดี การค้าตกต่ำ
ไม่เว้นแม้แต่พรรคที่แกนนำเป็นต้นเรื่องชัตดาวน์ เปิดทางให้รถถัง ไปจนถึงพรรคของรัฐบาลเองก็ยอมรับ!
อีกทั้งงานวิจัยทางวิชาการบอกชัดว่า ตั้งแต่ใช้รัฐธรรมนูญ 2540 ระบบพรรคการเมืองเติบโตมาก จนทำให้การซื้อเสียงลดลงและไร้ผลไปแล้ว
เพราะทำให้เกิดนโยบายระดับเปลี่ยนโฉมหน้าประเทศ จนทำให้ประชาชนส่วนใหญ่เลือกด้วยนโยบายเป็นหลักกันแล้ว
มารัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี่แหละ ควบคุมไม่ให้มีนโยบายใหญ่
วังวนซื้อเสียงอาจจะย้อนกลับมาใหม่
พรรคไหนหรือ ตอนนี้อื้ออึงไปทั้งเมืองแล้ว!
โดย : วงค์ ตาวัน