สดจากสนามข่าว

เรื่อง/ภาพ อนุวัสส์ ศิวราศักดิ์

เหตุคนร้ายขโมยรถจักรยานยนต์เกิดขึ้นทุกวัน แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะป้องกันให้ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ จังหวัดสมุทรปราการซึ่งมีโรงงานต่างๆ ตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก สถิติการขโมยรถจักรยานยนต์ก็มากขึ้นไปด้วย เป็นหน้าที่หนักของตำรวจที่ต้องไล่ติดตามจับกุมคนร้ายมาให้ได้

ล่าสุดเป็นผลงานชิ้นโบแดงของชุดสืบสวน สภ.บางพลี ที่สามารถทลายแก๊งลักรถจักรยานยนต์รายใหญ่ได้สำเร็จ

ช่วงสายวันที่ 22 ม.ค. พล.ต.ต.ธรรมนูญ ไตรทิพยพงศ์ ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.พัลลภา แอร่มหล้า รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.โสภณ มงคลโสภณรัตน์ ผกก.สภ.บางพลี พ.ต.ท.ไพบูลย์ พลดงนอก สว.สส. พร้อมด้วยชุดสืบสวน สภ.บางพลี และเจ้าหน้าที่ทหาร สังกัดร้อย.รส.ร.21 พัน 2 รอ. ร่วมกันแถลงผลการจับกุมแก๊งลักทรัพย์รถจักรยานยนต์รายใหญ่ ได้ผู้ต้องหา 4 คน

มีนายสุพจน์ อยู่เล็ก หรือเฮียกวง อายุ 36 ปี บ้านเลขที่ 245 หมู่ 1 ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ นายอภิชา มหาชน อายุ 34 ปี บ้านเลขที่ 266 ซอยแบริ่ง 19 แขวง-เขตบางนา กทม. นายอมรินทร์ กลิ่นจุบัน อายุ 36 ปี บ้านเลขที่ 50 ต.ท้ายบ้าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ และนายตะวัน ปิ่นแก้ว อายุ 25 ปี บ้านเลขที่ 89/ 18 ต.บางเมือง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

พร้อมของกลางชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ เช่น แฮนด์ เรือนไมล์ เฟรม ไฟท้าย จำนวนกว่า 1,000 ชิ้น ป้ายทะเบียนรถจักรยานยนต์ 54 ป้าย รถยนต์โตโยต้า รุ่นวีโก้ สีทอง ทะเบียน 1 ฒฉ 6597 กรุงเทพมหานคร รถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ สีขาว-ดำ ทะเบียน 6 กข 7691 กรุงเทพมหานคร โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันลักทรัพย์ผู้อื่นในเวลากลางคืน หรือรับของโจรŽ

พล.ต.ต.ธรรมนูญเปิดเผยเบื้องหลังการจับกุมว่า ที่ผ่านมามีเหตุคนร้ายลักรถจักรยานยนต์ในพื้นที่บ่อยครั้ง ล่าสุดเกิดเหตุเมื่อ 2 วันก่อน ชุดสืบสวน สภ.บางพลี ลงตรวจสอบที่เกิดเหตุและแกะรอยคนร้ายจากกล้องวงจรปิด กระทั่งพบว่าคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปที่ร้าน กวงอะไหล่Ž เลขที่ 63/3 ถนนเทพารักษ์ ก.ม.9 ม.3 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ซึ่งขายอะไหล่รถจักรยานยนต์มือ 2 ของนายสุพจน์ หัวหน้าแก๊ง

ตำรวจเฝ้าสังเกตการณ์จนแน่ใจ ก่อนประสานเจ้าหน้าที่ทหารนำกำลังบุกจู่โจมตรวจค้น พบผู้ต้องหากำลังแยกชิ้นส่วนอะไหล่รถจักรยานยนต์อยู่ภายในร้าน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำขยายผล

นายสุพจน์ให้การรับสารภาพสิ้นว่า ใช้ให้นายอัมรินทร์ หรือตั้ม และนายตะวัน หรือแดง เป็นผู้คอยตระเวนออกไปโจรกรรมรถจักรยานยนต์ตามแหล่งชุมชนต่างๆ ทั่วจังหวัดสมุทรปราการ เสร็จแล้วก็นำรถมาที่ร้านเพื่อแยกชิ้นส่วนต่างๆ ทันที จากนั้นจึงแพ็กใส่กล่องกระดาษรอการขนย้ายส่งขายยังประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนตัวถัง คอรถ และป้ายทะเบียนจะนำไปโยนทิ้งในคลองบางปลาและคลองสาธารณะริมถนนเทพารักษ์ ก.ม.9 เพื่อทำลายหลักฐาน

ตำรวจประสานชุดประดาน้ำของมูลนิธิร่วมกตัญญูและป่อเต็กตึ๊ง ลงดำสำราจจนสามารถค้นหาป้ายทะเบียนรถและชิ้นส่วนตัวถัง คอรถได้อีกจำนวนหนึ่ง ขณะที่จากการขยายผลเจ้าหน้าที่สามารถยึดอะไหล่รถชนิดต่างๆ จำนวนมาก อาทิ คอรถและเรือนไมล์ วงล้อ เครื่องยนต์ ชุดสี และอื่นๆ รวมกว่า 1,000 รายการ

นอกจากนั้นยังสั่งอายัดรถหรูมินิคูเปอร์และรถยนต์กระบะของผู้ต้องหา มาตรวจสอบเส้นทางการได้มาอีกด้วย

นายสุพจน์ให้การอีกว่า รับซื้อรถจักรยานยนต์ในราคาคันละ 4,000-6,000 บาท จากนั้นจะช่วยกันถอดแยกชิ้นส่วนอะไหล่ เมื่อแยกชิ้นส่วนเสร็จจะเจียขูดลบหมายเลขเครื่องทิ้งและให้นายอภิชาเป็นคนเก็บเครื่องยนต์แยกไว้ ได้ค่าฝากชิ้นละ 200 บาท ส่วนแผ่นป้ายทะเบียนนำไปโยนทิ้งคลอง โดยติดต่อกับกลุ่มนายทุนชาวกัมพูชาเพื่อขายรถตามออร์เดอร์ในราคาคันละ13,000-15,000 บาท

เจ้าตัวยังรับว่าเคยถูกจับกุมดำเนินคดีข้อหารับของโจร ของ สภ.สำโรงเหนือ เมื่อปี 2554

พล.ต.ต.ธรรมนูญฝากประชาสัมพันธ์ไปยังเจ้าของรถ โดยเฉพาะรถรุ่นซูเมอร์เอ็กซ์ และเอ็มเอสเอ็กซ์ ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการของตลาด และแนวทางการสอบสวนและการให้ปากคำของรถร้าย พบว่ารถทั้งสองรุ่นนี้โจรกรรมได้ง่ายมาก เพียงแค่ใช้ไฟแช็กเพียงอันเดียวก็สามารถขโมยรถได้ใน 5 นาที จึงขอฝากประชาสัมพันธ์ไปยังเจ้าของรถไม่ว่าจะจอดในสถานที่ใดต้องไม่ประมาท

ยอมเสียเวลาสักนิดในการเพิ่มจุดล็อกรถหลายๆ จุด เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ตกเป็นเป้าหมายของโจร เพราะผู้ต้องหาบอกเองว่าจะไม่เลือกรถที่ล็อกขาตั้งคู่ หรือล็อกที่ดิสก์เบรกหน้า เพราะจะเสียเวลา อาจมีคนมาพบเห็นและทำให้ถูกจับได้ ทั้งนี้ ผู้เสียหายรายใดต้องสงสัยว่าเคยถูกก่อเหตุจากกลุ่มผู้ต้องหารายนี้ สามารถเดินทางมาติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อขอตรวจสอบหลักฐานต่างๆ ได้ที่ สภ.บางพลี

การทลายแก๊งลัก-ชำแหละรถจักรยานยนต์รายนี้ถือเป็นคดีใหญ่ ที่สามารถตามจับได้จนครบทุกขั้นตอน ทาง ตร.โดยพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. จึงสั่งการให้เร่งสืบสวนขยายผล โดยให้ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. ลงมาดูแลคดีนี้เป็นพิเศษ พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่ขยายผลเครือข่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งนายทุน เส้นทางการเงิน ว่ามีผู้ใดเกี่ยวข้องบ้าง ให้รวบรวมหลักฐานจับกุมตัวมาดำเนินคดีทั้งหมด

ขณะที่พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติเรียกประชุมชุดสืบสวน กำชับให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่หาข่าวเชิงลึกเกี่ยวกับร้านขายอะไหล่มือสองทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ เพื่อตรวจสอบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในลักษณะเช่นนี้อีกหรือไม่

โดยเฉพาะกลุ่มเด็กแว้นซึ่งเชื่อว่ามีการสั่งซื้อและได้มาซึ่งรถผิดกฎหมาย พร้อมประสานไปยังด่านศุลกากรชายแดนรวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ตรวจเข้มการเข้าออกสินค้าเพื่อสกัดการนำเข้าและส่งออกอะไหล่รถผิดกฎหมาย

ตำรวจนำอะไหล่ ตัวถังรถ รวมถึงป้ายทะเบียน ไปตรวจหาเจ้าของเพื่อสรุปสำนวนดำเนินคดีเพิ่มเติม โดยขณะนี้ยืนยันได้แล้ว 15 คดี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน