ทะลุคน ทะลวงข่าว

ในขณะที่รัฐบาล คสช.บริหารประเทศมานานกว่า 2 ปี ชูต้านทุจริตคอร์รัปชั่นทุกรูปแบบ จัดอีเวนต์ชูปราบโกงเป็นว่าเล่น

แต่ต้องสะอึก เมื่อองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (ทีไอ) เผยแพร่คะแนนดัชนีการจัดอันดับความโปร่งใส หรือ Corruption Perceptions Index (CPI) ประจำปี 2559

คะแนนประเทศไทย ร่วงจากอันดับที่ 76 ลงมาอยู่ที่ 101 จาก 176 อันดับประเทศ

สาเหตุจากการทุจริตเชื่อมโยงปัญหาการเมือง กดขี่สิทธิเสรีภาพ ขาดการตรวจสอบอย่างอิสระ

ห้วงเดียวกับที่กระแสสินบนข้ามชาติกำลังระอุเช่นกัน

หน่วยงานปราบปรามทุจริตทั้งในอังกฤษและสหรัฐอเมริกา ปล่อยข้อมูลฉาวเกี่ยวกับการจัดซื้อเครื่องยนต์ จากบริษัทโรลส์-รอยซ์ ของบริษัทการบินไทย และปตท.

ต่อเนื่องมาถึงการจัดซื้อสายเคเบิลไฟฟ้า ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.)

ลามถึงการจัดซื้อกล้องซีซีทีวีของรัฐสภาไทย

จากปัญหาเรื่องความโปร่งใสของไทยยังไม่ทันจาง เว็บไซต์วอชิงตันโพสต์ สื่อยักษ์ใหญ่สหรัฐก็เปิดรายงานบทวิเคราะห์เรื่อง “ประเทศใดที่มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการรัฐประหารขึ้นในปี 2560?”

ปรากฏว่า ประเทศไทยติดอยู่อันดับ 2 รองจากประเทศบุรุนดี ที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดการรัฐประหารมากที่สุดในโลก

เนื่องจากยังคงมีการจำกัดสิทธิเสรีภาพของพลเรือน นับตั้งแต่รัฐประหารเมื่อปี 2557 แม้จะผ่านร่างรัฐธรรมนูญเมื่อปี 2559 และคาดว่าจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในปี 2560 ก็ตาม

ตอกย้ำด้วยรายงานของ “ฟรีดอมเฮาส์” องค์การที่รายงานเรื่องเสรีภาพสื่อและเสรีภาพอินเตอร์เน็ต

เปิดรายงานสถานการณ์เสรีภาพโลก ระบุในปี 2559 เสรีภาพทั่วโลกลดลงติดต่อกันเป็นปีที่ 11 เนื่องจากแรงผลักดันทางการเมือง แนวคิดประชานิยม และเผด็จการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญภายในประเทศที่ปกครองโดยระบอบประชาธิปไตย

ไทยยังอยู่ในกลุ่ม “ไม่เสรี” คะแนนเท่ากับ 32 คะแนน ซึ่งเท่ากับการจัดอันดับเมื่อปี 2558

ระบุถึงผู้นำประเทศจากซูดานใต้ เอธิโอเปีย ไทย และฟิลิปปินส์ ว่ายังมีความเกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิ มนุษยชนเป็นวงกว้าง แต่กลับไม่ได้รับการลงโทษ

สำหรับคะแนนดัชนีความโปร่งใสของไทยที่ดิ่งลงมาอยู่ที่ 101 นั้น

สรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยอมรับว่าผิดหวัง

จากที่คาดการณ์ว่าเราจะได้เกินกว่า 38 คะแนน แต่กลับตกมาที่ 35 คะแนน

เนื่องจากมีข้อมูลที่ใช้ในการจัดอันดับเพิ่มเติมขึ้นมาคือ เรื่องของความเป็นประชาธิปไตย

นิติศาสตรบัณฑิต ม.รามคำแหง รัฐศาสตรมหาบัณฑิต ม.ธรรมศาสตร์ และหลักสูตรป้องกันราชอาณาจักรภาครัฐร่วมเอกชน วปอ.ปี ’54

รับราชการครั้งแรก ตำแหน่งเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวน 3 สำนักงานป.ป.ป. สำนักนายกฯ

เคยดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช.

ต.ค.2556 เป็นเลขาธิการป.ป.ช.คนใหม่ แทนนายณรงค์ รัฐอมฤต ที่เกษียณอายุราชการ

ขณะที่ พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็ออกมาโต้วอชิงตันโพสต์กรณีชี้ว่าไทยเสี่ยงรัฐประหารซ้ำ

ตท.รุ่น 23 จปร.รุ่น 34 รับราชการครั้งแรกที่กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 12 จ.สระแก้ว เมื่อปี 2530

เติบโตจากทางชายแดนจ.สระแก้วมาตลอด เคยดำรงตำแหน่งสำคัญๆ อาทิ ผู้บังคับการเฉพาะกิจที่ 35 เมื่อปี 2548-2549 รองผู้บัญชาการเฉพาะกิจ จ.นราธิวาส เมื่อปี 2555-2556

รองผบ.มทบ.11 ควบทีมงานโฆษกคสช. และรองผบ.พล.ร.9

ระบุเป็นการคาดการณ์ด้วยข้อมูลทางสถิติ ซึ่งในโลกแห่งความเป็นจริง การรัฐประหารไม่สามารถคำนวณด้วยค่าสถิติตัวเลข แต่จะเกิดจากเงื่อนไขความจำเป็นและสภาวะแวดล้อมที่สุกงอมของสถานการณ์แล้วเท่านั้น

ตราบใดที่รัฐบาลยังคงทำประโยชน์ให้กับประเทศและประชาชน จนได้รับความนิยมอยู่ในระดับสูง เหมือนดังเช่นรัฐบาลชุดปัจจุบัน

การทำรัฐประหารโดยที่ประชาชนไม่ยอมรับ จึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้นได้ พร้อมกับชี้ว่าทำไมไม่มีสถิติประเทศของสื่อที่จัดอันดับครั้งนี้บ้าง (ฮา)

ขณะที่ พิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรมว.พลังงาน และอดีตรมช.คลัง และคณะทำงานทีมเศรษฐกิจของพรรค เพื่อไทย

ปริญญาตรีสาขาเศรษฐศาสตร์ และปริญญาโทการบัญชี จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

จากนักธุรกิจสนับสนุนทางการเงินให้พรรค หันมาลงสนามเองในนามพรรคเพื่อไทย

ระบุชัดเจน ทั้งกรณีที่ดัชนีทุจริตของไทยพุ่ง โดยถูกลดอันดับความโปร่งใสไปอยู่ที่ 101 จากเดิมที่ 76

รวมถึงกรณีสื่อหลักต่างประเทศ บอกว่าไทยจะมีโอกาสเกิดปฏิวัติได้อีกเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากประเทศบุรุนดี

ยิ่งทำให้การลงทุนจากต่างประเทศหดหายไปอีก แม้ไทยจะพยายามจัดอันดับความสะดวกในการลงทุนให้ดีขึ้นก็ตาม

เนื่องจากนักลงทุนต่างประเทศจะให้ความสำคัญกับความโปร่งใส มากกว่าความสะดวกในการทำธุรกิจ

อีกทั้งการกลับสู่ระบอบการปกครองที่นานาชาติยอมรับก็ยังเลื่อนลอย

สภาวะเศรษฐกิจที่เสื่อมถอยมาตลอด 2 ปี ก็จะยิ่งถดถอยมากขึ้น

อยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ จึงควรหาที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจที่รู้จริง เพื่อจะได้รู้ปัญหาและแก้ไขได้ถูกทาง

เป็นปีสุดท้ายของรัฐบาลคสช. ที่ยักตื้นติดกึกยักลึกติดกัก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน