ผ่ากระแสโลกกดดันส่งฮาคีมกลับออสซี่ไทยเจรจา‘บาห์เรน’ได้ทางออก–จบสวย
ส่งฮาคีมกลับออสซี่ไทยเจรจา‘บาห์เรน’ – ลุ้นระทึกกันอยู่นาน ในที่สุดก็จบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้ง
สำหรับกรณีของนายฮาคีม อัล–อาไรบี นักฟุตบอล อดีตทีมชาติบาห์เรน ที่ถูกตำรวจ ตม.ไทยจับกุมที่สนามบินสุวรรณภูมิ ขณะมาฮันนีมูนที่ประเทศไทย
พร้อมควบคุมตัวนานเกือบ 3 เดือน ขณะที่อัยการส่งเรื่องฟ้องศาล เพื่อขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน
หลังจากที่ทางการบาห์เรนประสานขอตัว เพราะถือเป็นผู้ต้องหา คดีอาญาที่ทางการบาห์เรนต้องการตัว แถมยังหลบหนีคำพิพากษา ศาลที่ตัดสินจำคุก 10 ปี
แต่แทนที่ทุกอย่างจะเป็นไปอย่างราบรื่นตามแผนที่เจ้าหน้าที่ ไทยวางไว้ ก็ต้องเผชิญปัญหา เมื่อทางการออสเตรเลียยืนยันว่านายฮาคีมเป็นผู้ลี้ภัยที่ได้สัญชาติออสเตรเลียแล้ว
เป็นพลเมืองออสเตรเลียเต็มขั้น หากจะส่งตัวก็ต้องส่งกับออสเตรเลียเท่านั้น
ขณะที่ทั่วโลกก็ระดมแสดงความเห็นขอให้ไทยยุติส่งฮาคีมไปบาห์เรน
พร้อมขู่บอยคอตประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม ช่วงแรกฝ่ายไทยยืนยันชัดเจนทำงานตามขั้นตอน ทางกฎหมาย และไม่มีใครที่จะเข้ามาแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมได้
แต่ในที่สุดอัยการก็ถอนฟ้อง พร้อมอ้างว่าบาห์เรนไม่ติดใจ เอาความ ปล่อยตัวฮาคีม ส่งกลับออสเตรเลียทันที
ใช้เวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมงก็เรียบร้อย
จบดี–ฮาคีมกลับออสเตรเลีย
หลังจากที่อัยการสำนักงานต่างประเทศเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ต่อศาลอาญา เพื่อขอให้ส่งตัวนายฮาคีม เป็นผู้ร้ายข้ามแดน ตามคำร้องขอของบาห์เรน เมื่อวันที่ 1 ก.พ. โดยยืนยันหนักแน่นว่าดำเนินคดีตามขั้นตอน เนื่องจากนายฮาคีมเป็นจำเลยที่ถูกดำเนินคดี อาญาในราชอาณาจักรบาห์เรนแล้วหลบหนีไป
โดยสำนักงานอัยการสูงสุดรับเรื่องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดน มาเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 2561 ผ่านกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่านายฮาคีมถูกดำเนินคดีที่ศาลบาห์เรน ในข้อหาวางเพลิงเผาทรัพย์ ทำให้เสียทรัพย์ และมีวัตถุระเบิด ไว้ในครอบครอง ต่อมาศาลอาญากลาง เขต 1 แห่งบาห์เรนมีคำพิพากษาจำคุก 10 ปี ก่อนที่นายฮาคีมจะหลบหนีไป และ ถูกควบคุมตัวในประเทศไทย
จึงเห็นว่าคำร้องขอส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนไปดำเนินคดีอาญา เป็นข้อกล่าวหาที่ในประเทศไทยก็ถือเป็นการกระทำความผิด และมีอัตราโทษจำคุกไม่น้อยกว่า 1 ปี อีกทั้งไม่ใช่ความผิดทางการเมือง และความผิดทางการทหาร จึงเข้าหลักเกณฑ์ และข้อกฎหมายตาม พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ.2551
ยืนยันขันแข็งต้องเดินตามกระบวนการยุติธรรม โดยไม่มีใครแทรกแซงได้!??
จนกระทั่งศาลอาญาเบิกตัวนายฮาคีมมาสอบปากคำเมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2562 โดยนายฮาคีมปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำความผิด และไม่ยินยอมกลับไปที่บาห์เรน ศาลอาญาจึงมีคำสั่งให้นายฮาคีมและทนายความยื่นคำคัดค้านคำฟ้องภายในวันที่ 5 เม.ย. 2562 และนัดตรวจพยานทั้ง 2 ฝ่ายในวันที่ 22 เม.ย. 2562
โดยไม่ให้ประกันตัวเพื่อไปต่อสู้คดี
แต่ระหว่างที่ทนายความเร่งรวบรวมเงินขอยื่นประกันตัว อีกครั้ง โดยยอมให้ใส่กำไลติดตามตัว และเตรียมหาบุคคลสำคัญมาการันตีว่านายฮาคีมจะต่อสู้คดีอย่างถึงที่สุด โดยจะไม่หลบหนีไปไหน
ก่อนที่จะยื่นประกันตัวช่วงบ่ายวันที่ 11 ก.พ. น.ส.เสฏฐา เธียรพิลากุล พนักงานอัยการสำนักงานต่างประเทศ ก็เข้ายื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดีส่งผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้อัยการถอนฟ้องคดีได้
นายชัชชม อรรฆภิญญ์ อธิบดีอัยการสำนักงานต่างประเทศ ระบุว่า เนื่องจากช่วงเช้าวันที่ 11 ก.พ. ได้รับประสานจากกระทรวงการต่างประเทศ แจ้งว่าบาห์เรนไม่ประสงค์ติดใจขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนนี้อีก จึงเห็นว่าไม่มีประโยชน์ต่อสาธารณะตาม พ.ร.บ.องค์กรอัยการฯ มาตรา 21 จึงยื่นถอนฟ้อง เมื่อศาลอนุญาต ก็จะปล่อยตัวนายฮาคีมเป็นอิสระทันที
ต่อมาช่วงเย็นเจ้าหน้าที่สถานทูตออสเตรเลียมารับตัวนายฮาคีม จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ก่อนที่นายฮาคีมจะเดินทางกลับทันทีด้วยสายการบินไทย เที่ยวบินทีจี 465 จากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ปลายทางเมลเบิร์น ออสเตรเลีย
กระบวนการทั้งหมดใช้เวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง
เผยเหตุถอนคดี–เจรจาบาห์เรน
อย่างไรก็ตาม กว่าจะมาถึงจุดนี้ ก็มีเรื่องราวกดดันมากมายที่เป็นเงื่อนไขให้เรื่องราวจบลงด้วยดี โดยดูได้จากคำร้องขอถอนฟ้องของอัยการ ที่ระบุว่า หลังจากที่ยื่นฟ้องนายฮาคีมแล้วเมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2562 ซึ่งศาลกำหนดให้จำเลยยื่นคำคัดค้านภายในวันที่ 5 เม.ย. และนัดตรวจหลักฐานในวันที่ 22 เม.ย.
แต่ต่อมาปรากฏข้อเท็จจริงว่าคดีเป็นที่สนใจของประเทศต่างๆ รวมทั้งองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในวงกว้าง ประกอบกับเมื่อวันที่ 4 ก.พ. อัยการสูงสุดได้รับหนังสือจากสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 ม.ค. แจ้งว่ากระทรวงการต่างประเทศได้รับหนังสือจากรมว.มหาดไทย ประเทศออสเตรเลีย เกี่ยวกับนายฮาคีม และขอให้ทางการไทยพิจารณาเรื่องการขอส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนอีกครั้ง
ซึ่งอัยการสูงสุดก็มีหนังสือถึงปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อวันที่ 8 ก.พ. ขอให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาคำร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนในประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และประเด็นอื่นๆ ที่อาจจะเป็นเหตุผลที่จะไม่ดำเนินการให้ตามพ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ. 2551 มาตรา 17
กระทั่งกระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือแจ้งเมื่อวันที่ 11 ก.พ. ว่ากระทรวงการต่างประเทศเห็นว่าการดำเนินคดีส่งผู้ร้ายข้ามแดนดังกล่าว มีผลกระทบกระเทือนต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และความสัมพันธ์ระดับประชาชนต่อประชาชน
จึงเห็นว่ามีเหตุผลที่จะไม่ดำเนินการต่อไป จึงขอให้อัยการสูงสุดในฐานะผู้ประสานงานกลาง พิจารณาถอนฟ้องคดีนี้ ตาม พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดนฯ มาตรา 17 นอกจากนี้ยังแจ้งว่า ทางการบาห์เรนตัดสินใจขอยกเลิก หรือขอถอนคำร้องขอตัวนายฮาคีมเป็นผู้ร้ายข้ามแดนจากไทย
อัยการสูงสุดพิจารณาแล้วเห็นว่าการดำเนินคดีส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับจำเลยต่อไปไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชน หรือจะมีผลกระทบต่อความปลอดภัย หรือความมั่นคงของชาติ หรือต่อผลประโยชน์อันสำคัญของประเทศ จึงมีความเห็นควรสั่งไม่ฟ้องต่ออัยการสูงสุด และอัยการสูงสุดมีอำนาจสั่งไม่ฟ้อง
แต่เมื่อยื่นฟ้องไปแล้ว อัยการสูงสุดจึงมีคำสั่งให้ถอนฟ้อง เมื่อศาลอนุญาตก็ให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ พร้อมออกหมายปล่อยจำเลย
โดยก่อนหน้านี้นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ เดินทาง ไปเข้าเฝ้าฯ เจ้าชายซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งบาห์เรน เมื่อ วันที่ 10 ก.พ. พร้อมเปิดเผยว่า บาห์เรนเข้าใจดี ไม่อยากเห็นประเทศไทยถูกวิจารณ์ ถูกกดดันอย่างไม่ชอบธรรม และไม่อยากให้เรื่องนี้กลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองเล่นงานรัฐบาล
จึงระบุว่าหากไทยอยากส่งนายฮาคีมให้ออสเตรเลียก็ได้ แต่บาห์เรนขอสงวนสิทธิ์เรื่องคดีของนายฮาคีมกับออสเตรเลียต่อ
เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายใต้แรงกดดัน
ย้อนไทม์ไลน์ฮันนีมูนระทึก
สำหรับกรณีนายฮาคีมนั้น หากไล่เรียงเรื่องราวที่เกิดขึ้น พบว่าชนวนเหตุเกิดขึ้นตั้งแต่ปีพ.ศ.2555 เมื่อนายฮาคีมถูกทางการบาห์เรนควบคุมตัว และทรมาน หลังจากวิพากษ์วิจารณ์เจ้าหน้าที่ระดับสูงที่ซ้อมทรมานนักฟุตบอลที่ร่วมชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาล
ต่อมาปี 2557 เกิดเหตุเผาสถานีตำรวจ นายฮาคีมถูกกล่าวหา ว่าเป็นผู้ร่วมลงมือ ทั้งที่ขณะเกิดเหตุเขาไปแข่งขันฟุตบอล มีภาพจากการถ่ายทอดสดเป็นหลักฐาน แต่ก็ถูกศาลบาห์เรน สั่งจำคุก 10 ปี ในความผิดลอบวางเพลิง ชุมนุมโดยมิชอบด้วยกฎหมายมากกว่า 5 คน ครอบครองวัตถุไวไฟ และทำรถยนต์ ผู้อื่นเสียหาย
ต่อมานายฮาคีมหลบหนีออกจากบาห์เรนไปยังประเทศออสเตรเลีย พร้อมยื่นขอสถานะผู้ลี้ภัยจากประเทศออสเตรเลีย จากนั้นเมื่อปี 2560 นายฮาคีมได้รับสถานะผู้ลี้ภัย และเล่นฟุตบอลอาชีพที่สโมสรฟุตบอลพาสโคเวลเอฟซี เมลเบิร์น
จากนั้นวันที่ 27 พ.ย. 2561 นายฮาคีมพร้อมภรรยาเดินทาง มาฮันนีมูนในประเทศไทย แต่ถูกตำรวจ ตม.จับกุมตามหมายจับของอินเตอร์โพล ก่อนถูกนำตัวไปควบคุมตัวที่ศูนย์กักตัวคนต่างด้าว ซอยสวนพลู
วันที่ 3 ธ.ค. 2561 อินเตอร์โพลถอนหมายจับนายฮาคีม ขณะที่ศาลสั่งฝากขังเป็นเวลา 12 วัน วันที่ 11 ธ.ค.2561 อัยการยื่นคำร้องต่อศาลอาญาขอขังนายฮาคีมชั่วคราว 60 วัน ระหว่างรอคำร้องจากบาห์เรนขอตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน
18 ม.ค. 2562 บาห์เรนส่งหนังสือพร้อมหลักฐานถึงอัยการสูงสุดขอตัวฮาคีมกลับไปรับโทษที่บาห์เรน 29 ม.ค. 2562 นายสกอตต์ มอร์ริสัน นายกฯ ออสเตรเลีย ส่งหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. เรียกร้องให้ปล่อยตัวและส่งนายฮาคีมกลับออสเตรเลีย โดยยืนยันสถานะผู้ลี้ภัยของนายฮาคีม และระบุว่านายฮาคีมคือพลเมืองออสเตรเลีย
ขณะที่คณะกรรมการโอลิมปิกสากล ยื่นหนังสือให้รัฐบาลไทย หาทางช่วยเหลือตามหลักสิทธิมนุษยชนและมนุษยธรรม
จนกระทั่งวันที่ 1 ก.พ. 2562 อัยการยื่นฟ้องศาลอาญาให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดน ประชาชนออสเตรเลียชุมนุมที่นครซิดนีย์ และเมลเบิร์น เช่นเดียวกับกระแสในโลกออนไลน์ที่ติดแฮชแท็ก #savehakeem
และ #boycottthailand
จนกระทั่ง 11 ก.พ. 2562 อัยการ ยื่นถอนคำร้อง และวันที่ 12 ก.พ. นาย ฮาคีมเดินทางถึงเมลเบิร์น
ขอบคุณปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้น
คลิกอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง