ทิ้งหมัดเข้ามุม

สมิงสามผลัด

กลายเป็นเรื่องขึ้นมาทันที หลังจากที่ตำรวจเริ่มนโยบายกวดขันกฎหมายจราจร เริ่ม 5 เม.ย.เป็นวันแรก

จับหมดทั้งคนที่ไม่คาดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่งในรถ รวมทั้งคนที่นั่งในแคปรถกระบะ หรือในกระบะท้าย โดยต้องถูกดำเนินคดีและปรับทันที

มีตัวอย่างที่ผู้ถูกดำเนินคดีโพสต์กันว่อนโลกออนไลน์ นั่งในกระบะท้ายหน้าสลอนถูกตำรวจจับคาด่าน แบบว่าวันเดียวผู้ขับขี่ก็โดนกันถ้วนหน้า บางคนโดนปรับ 200 บาท บางรายโดนปรับ 100 บาท

เรื่องจับไม่คาดเบลต์พอเข้าใจได้ เพราะว่ารถเก๋งส่วนใหญ่เดี๋ยวนี้มีเข็มขัดครบทั้งเบาะหน้าเบาะหลัง แต่ที่เป็นกระแสที่วิจารณ์กันกระหึ่มเมือง ก็เห็นจะเป็นเรื่องที่ห้ามนั่งใน “แคป” โดยสารในรถปิกอัพนี่สิที่ดูเป็นปัญหา

เพราะชาวรากหญ้าส่วนใหญ่ของประเทศใช้รถปิกอัพ ขับรถกระบะ ซึ่งได้รับผลกระทบด้วยตรงจริงๆ

นักกฎหมายคนหนึ่งแสดงความเห็นว่า รถกระบะไม่ว่า 4 ประตู หรือ 2 ประตู + แคป ควรเป็นรถเอนกประสงค์ตามเจตนาผู้ผลิตและผู้ซื้อ แต่ตอนนี้กลายเป็นว่ารถกระบะมีแคปเป็นรถมีเวรกรรม นั่งท้ายกระบะก็ไม่ได้ นั่งในแคปก็ไม่ได้ สรุปนั่งได้ 2 คน เท่ารถมอเตอร์ไซด์ แต่เสียภาษีแพงกว่ามอเตอร์ไซด์หลายเท่า

ส่วนโลกออนไลน์มีการวิจารณ์กันเยอะมาก ทั้งคนดังดารานักร้องพาเหรดออกมากันโจมตีเรื่องนี้เป็นชุดๆ ทั้งหมดเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า “ไม่เห็นด้วย” เรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนนโยบายนี้ เพราะคนต่างจังหวัดได้รับผลกระทบเต็มๆ

ซื้อปิกอัพมาไว้ให้ขนญาติสนิทมิตรสหายไปไหนมาไหนด้วยกัน แต่ตอนนี้ไม่ได้แล้ว รถปิกอัพ 1 คัน นั่งได้ 2 คน บรรทุกเกินโดนจับ

นายตำรวจยศพ.ต.ท.คนหนึ่ง โพสต์ความเห็นส่วนตัวว่า “การออกกฎหมาย ไม่ควรก่อให้เกิดความเดือดร้อนกับชีวิตคน ดังนั้นควรรับฟังเหตุผลของคนทุกระดับชั้นว่าออกแบบไหนเขารับได้ หรือออกแบบไหนเขาจะเดือดร้อน”

สุดท้ายตำรวจท่านนี้โดนผู้บังคับบัญชาสั่งสอบวินัยไปเรียบร้อยแล้ว

ท้ายสุด รัฐบาลอาจต้องกลับมาขบคิดใหม่ว่าจะเดินหน้าลุย หรือยอมถอยดี

ระวังจะเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน