เกาะติดโจรแต่งชุดปณ. ชิงรถไปรษณีย์ทั้งคัน

บุกห้างลุยปล้นร้านทอง : คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

บุกห้างลุยปล้นร้านทอง – ธรรมชาติของโจรเวลาจะลงมือก่อเหตุ ย่อมต้องพยายามอำพรางปิดบังใบหน้าตัวเอง ที่เห็นกันเป็นส่วนมากก็มักใช้หมวกไอ้โม่ง หน้ากากอนามัย แต่มันคงธรรมดาเกินไปสำหรับโจรหนุ่มรายนี้ เจ้าตัวเลยจัดมาเต็มทั้งชุดและอุปกรณ์ประกอบการก่อเหตุ

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 19 ก.ย. พ.ต.อ.วิชิต บุญชินวุฒิกุล รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ ผกก.สภ.บางแก้ว ร.ต.อ.สมเกียรติ นาเจริญ รองสารวัตร(สอบสวน) และกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.บางแก้ว จ.สมุทรปราการ รุดไปตรวจสอบเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนจี้ชิงทรัพย์ภายในห้างเพชรทองออโรร่า ตั้งอยู่ในห้างไทวัสดุ สาขาบางแก้ว ถ.บางนา–ตราด ขาเข้า หลักกิโลเมตรที่ 8 หมู่ 13 ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ

ภาพวงจรปิดขณะลงมือ

พบพนักงานสาวของร้านออกมายืนจับกลุ่มกันอยู่ด้วยอาการตื่นตระหนก ที่บริเวณตู้โชว์ทองหน้าร้านมีกล่องพัสดุไปรษณีย์วางอยู่

จากการสอบถามพนักงานสาวของร้านทองดังกล่าว เล่าว่าก่อนเกิดเหตุมีคนร้ายเป็นชาย แต่งชุดเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์สีส้มน้ำเงิน ใส่หมวกกันน็อกแบบเต็มใบ สีแดงคาดขาวตรงกลาง สวมถุงมือสีดำ ถือกล่องเดินเข้ามาที่หน้าร้าน ก่อนวางกล่องไว้บนตู้โชว์

จากนั้นพูดกับพนักงานร้านว่า “ในกล่องมีระเบิด” คนร้ายไม่พูดเปล่ายังชักอาวุธปืนไม่ทราบขนาดแบบแม็กกาซีนออกมาจี้ที่เอวของ พนักงานคนดังกล่าว บอกให้กวาดสร้อยทองใส่ถุงบิ๊กซี ที่คนร้ายเตรียมมา ด้วยความกลัวพนักงานจึงหันไปที่ตู้โชว์ด้านหลัง แล้วใช้มือกวาดสร้อยคอทองคำหนักเส้นละ 2 สลึง จำนวน 5 เส้น และเส้นละ 1 สลึง 4 เส้น รวม 9 เส้น ใส่ถุงให้คนร้ายไป

หลังได้ทรัพย์สินตามที่ต้องการ คนร้ายรีบวิ่งออกไปนอกร้านขึ้นรถตู้ของบริษัทไปรษณีย์ไทย ที่จอดไว้ด้านหน้าหลบหนีไป จากการตรวจสอบพบว่าสร้อยคอทองคำที่คนร้ายได้ไป น้ำหนักรวม 3 บาท 50 สตางค์ มูลค่ากว่า 7 หมื่นบาท

จากการตรวจสอบทราบว่า รถที่คนร้ายใช้เป็นพาหนะรถตู้ ยี่ห้อโตโยต้า สีขาวคาดแดง ทะเบียน 1ฒน 150 กรุงเทพมหานคร เป็นของบริษัท ไปรษณีย์ไทย จากการตรวจสอบยังทราบว่า รถตู้คันดังกล่าวประจำอยู่ไปรษณีย์ไทย สาขาหลังวัดหนามแดง

วิ่งมาขึ้นรถ

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจรีบประสานหน่วย เก็บกู้วัตถุระเบิด เข้าจัดการกับกล่องที่คนร้ายทิ้งเอาไว้ โดยคาดว่าคนร้ายน่าจะเข้ามาดูลาดเลาแล้วสบโอกาส จึงลงมือก่อเหตุ และส่วนจะทำงานอยู่บริษัทไปรษณีย์ไทยหรือไม่ยังไม่ฟันธง เนื่องจากแม้ว่าจะสวมชุดฟอร์มของบริษัท และรถของบริษัทมาก่อเหตุ แต่ก็อาจจะเป็นไปเพื่อต้องการหลอกอำพรางเจ้าหน้าที่ก็เป็นได้

ขณะที่เจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด ได้เข้าตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยภายในกล่องดังกล่าว พบว่าเป็นวัตถุที่มีน้ำหนักและมีสายไฟต่อออกมาภายนอกจำนวนหลายเส้น เจ้าหน้าที่อีโอดี จึงได้เคลื่อนย้ายกล่องไปรษณีย์ดังกล่าวออกไปที่ลานจอดรถด้านหลังของร้าน ไทวัสดุ ซึ่งอยู่ห่างจากตัวอาคารด้านหน้าประมาณ 300 เมตร และนำยางรถยนต์เก่าจำนวน 5 เส้น มาวางล้อมกล่อง ดังกล่าวเอาไว้ ก่อนเก็บกู้วัตถุดังกล่าว

ขับหลบหนี

หลังเปิดกล่องพบว่าภายในมีก้อนหินขนาดใหญ่ อยู่ภายในและเจาะรูที่กลางก้อนเอาสายไฟเสียบคาเอาไว้เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานจึงได้เก็บรายนิ้วมือของคนร้ายเอาไว้เพื่อเป็น หลักฐาน

ต่อมาเวลา 14.30 น. พล.ต.ต. ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รอง ผบช.ภ.1 เดินทางมาที่ สภ.บางแก้ว พร้อมทั้งเรียกชุดสืบสวน ภ.1 ชุดสืบสวนภ.จว.สมุทรปราการ ชุดสืบสวน สภ.บางแก้ว เข้าประชุมวางแผนแบ่งงานการสืบสวนหาตัวคนร้าย ระหว่างการประชุมได้รับแจ้งว่า พบรถไปรษณีย์คันก่อเหตุถูกนำไปจอดทิ้งไว้ภายในซอยบางนา 56 เขตบางนา จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วยหน่วยพิสูจน์หลักฐาน

รอง ผบช.สั่งให้เก็บหลักฐานทั้งลายนิ้วมือและดีเอ็นเอภายในรถทั้งหมดเพื่อนำไป ตรวจสอบ ทางด้านชุดสืบสวนได้เชิญพนักงานของไปรษณีย์มาสอบปากคำในเบื้องต้น เพื่อหาเบาะแสถึงตัวคนร้าย โดยในเบื่องต้นยังไม่สามารถระบุตัวคนร้ายรายนี้ได้ว่าเป็นใคร

พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รอง ผบช.ภ.1 รุดตรวจ

ขณะที่ทางบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) ก็รีบร่อนหนังสือชี้แจงทันที ระบุว่าจากกรณีสื่อสังคมออนไลน์เผยแพร่คลิปคนร้ายสวมใส่ชุดเจ้าหน้าที่นำ จ่ายไปรษณีย์ด่วนพิเศษ (EMS) ของไปรษณีย์ไทย ก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทองใน ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรปราการ แล้วหลบหนีไปนั้น

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปรษณีย์ไทย มิได้นิ่งนอนใจ โดยสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นการเร่ง ด่วน พบว่ารถขนส่งไปรษณีย์ทะเบียน 1ฒน 150 กรุงเทพมหานคร ที่ใช้ก่อเหตุนั้นเป็นรถยนต์ของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งให้ไปรษณีย์ไทยเช่าสำหรับใช้ในการขนส่งสิ่งของ โดยรถยนต์คันดังกล่าวถูกขโมยไปจากไปรษณีย์บางพลี เมื่อคืนวันที่ 18 กันยายน ที่ผ่านมา

เก็บหลักฐานที่รถตู้

จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ผู้ก่อเหตุซึ่งสวมชุดเจ้าหน้าที่นำจ่ายไปรษณีย์ด่วนพิเศษ (EMS) ของไปรษณีย์ไทยนั้น มิใช่พนักงาน/ลูกจ้างของไปรษณีย์ไทย ซึ่งไปรษณีย์ไทยอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติม รวมทั้งให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้กระทำผิดต่อไป

ต้องจับตาดูกันต่อไปว่าคนร้ายรายนี้จะเป็นใคร

อนุวัสส์ ศิวราศักดิ์

เรื่อง/ภาพ