สถานะ การเมือง ปัญหา ของ อนาคตใหม่ ตำบล กระสุนตก
คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
สถานะ การเมือง ปัญหา ของ อนาคตใหม่ ตำบล กระสุนตก – ปัญหาอันปะทุขึ้น “ภายใน” พรรคอนาคตใหม่ ไม่ว่าจะกรณีของ น.ส.กวินนาถ ตาคีย์ ไม่ว่าจะกรณีของความขัดแย้งเนื่องแต่การพิจารณาผู้สมัครรับเลือกตั้งอบจ.
บางคนอาจเห็นว่าเป็น “วิกฤต”
เป็นวิกฤตอันทำให้เกิดอาการแปรปรวนแปลกๆ ตามมาเป็นจำนวนมาก ทั้งผลสะเทือนจาก “พระราชกำหนด” ทั้งผลสะเทือนจาก ร่างพ.ร.บ. งบประมาณ ทั้งความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งซ่อมนครปฐม
บางคนอาจเห็นว่าเป็น “ขาลง”
หากมองว่าเป็นวิกฤตก็จะกลายเป็น “วิกฤต” หากมองว่าเป็นโอกาสก็จะกลายเป็น “โอกาส” ในการปรับและแก้ไขจุดอ่อนและความบกพร่องที่เกิดขึ้นและดำรงอยู่
มีปราชญ์ทางการเมืองสรุปเอาไว้ภายหลังจากประสบวิกฤตทางการเมืองกับตนเองและกับพรรคครั้งแล้วครั้งเล่าออกมาเป็นบทเรียนว่า
ในยามยากย่อมพิสูจน์ “มิตรแท้”
ไม่ว่าเมื่อเกิดสถานการณ์พรรคไทยรักษาชาติถูกยุบ ไม่ว่าเมื่อเผชิญกับการนำเสนอพระราชกำหนดออกมาแล้วพรรคอนาคตใหม่จำเป็นต้องแสดงจุดยืน
ล้วนเป็นเรื่องล่อแหลม ล้วนเป็นเรื่องอันมีผลสะเทือน
แต่เมื่อผ่านจากแถลงการณ์ในเรื่องยุบพรรคไทยรักษาชาติเป็นอย่างไร แต่เมื่อผ่านมติของพรรคในเรื่องพระราชกำหนดแล้วเป็นอย่างไร ตรงนี้ต่างหากที่ต้องสังเคราะห์และสรุป
ปัญหาอันเกิดขึ้นนับแต่พรรคก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคม 2561 เป็นต้นมา เหมือนกับจะเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ความจริงแล้วด้านหลักมิได้เป็นเรื่อง ส่วนตัว
หากแต่เป็นเรื่องของหลักการ เป็นเรื่องของแนวทาง
ถามว่าภ้งพรรคอนาคตใหม่ไม่นำเอาระบบ “ไพรมารี โหวต” มาทดลองใช้ตั้งแต่เริ่มต้นคัดเลือกผู้สมัครกระทั่งในกระบวนการคัดสรรผู้เข้าสู่สนามเลือกตั้งอบจ. จะมีปัญหาหรือไม่
นี่เป็นเรื่องของแนวทาง นี่เป็นเรื่องของหลักการ
เป็นเรื่องของหลักการเหมือนกับความจำเป็นที่จะต้องมีการสอบทางวินัยต่อส.ส. ที่สวนมติพรรคซ้ำแล้วซ้ำเล่าภายในเดือนเดียวกัน เพราะหากไม่สอบจะยังเป็นพรรคการเมืองอยู่หรือไม่
อย่าลืมเป็นอันขาดว่าพรรคอนาคตใหม่เพิ่งก่อรูปเป็นพรรคการเมืองได้เพียง 1 ปีเศษ อ่อนเยาว์อย่างยิ่งไม่ว่าจะเมื่อเทียบกับพรรคประชาธิปัตย์ หรือพรรคเพื่อไทย
ทั้งยังมิได้เป็นรัฐบาล ยังเสมอเป็นเพียงฝ่ายค้าน
สงสัยหรือไม่ว่าเหตุใดจึงมีปฏิบัติการเล่นงานพรรคอนาคตใหม่และแกนนำพรรครุนแรง ร้ายกาจเหี้ยมโหดถึงระดับนี้
หากมิใช่เพราะความหวาดพรั่นจะเป็นอะไรอีกเล่า