รูป วิ่ง ไล่ ลุง

นวัตกรรม การเมือง

ออกไป ออกไป

คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง

รูป วิ่ง ไล่ ลุง – ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่ว่า พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ จะหงุดหงิดต่อกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” อย่างไร

ก็ยากที่จะสกัดและขัดขวางได้

ถึงแม้จะกดดันตั้งแต่การแถลงข่าวจากสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศยันโรงแรมรัตนโกสินทร์ได้ แต่พวกเขาก็มีที่ทางให้บริหารจัดการด้านข่าวไม่ขาดสาย

ถึงแม้จะกดดันให้ย้ายจากธรรมศาสตร์ แต่ก็มีสวนรถไฟรองรับ

ไม่เพียงแต่ห้าม “วิ่งไล่ลุง” ไม่ได้ในทางเป็นจริง หากกิจกรรมนี้ก็แพร่กระจายไปในขอบเขตทั่วประเทศ ไม่ว่าจะที่อุบลราชธานี ไม่ว่าจะที่เชียงใหม่ ไม่ว่าจะที่นครปฐม ไม่ว่าจะที่ปัตตานี

ที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประเมินว่าการเคลื่อนไหวของประชาชนผ่านกระบวนการ “แฟลชม็อบ”

เริ่มจุดติดแล้วในทางเป็นจริง

1 สัมผัสได้เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ณ สกายวอล์ก ปทุมวัน

ขณะเดียวกัน 1 เริ่มเห็นอย่างเป็นจริงในกระบวนการแพร่กระจายอย่างกว้างขวางผ่านกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” ที่เด่นชัดว่ายิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ

ยุให้กลายเป็น “กระแส” ในทางสังคม

หากถือว่า “วิ่งไล่ลุง” เป็นการลงสู่ท้องถนนของประชาชน ก็เด่นชัดว่าเป็นการลงสู่ท้องถนนอันแตกต่างไปเป็นอย่างมากกับความเคยชินที่เห็นในอดีต

พลันที่กิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” ได้รับการยอมรับจากสภาพความเป็นจริงอันจะปรากฏในวันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม การพยายามจะสกัดและขัดขวางก็ไม่มีความหมาย

เพราะนี่ “ประชาชน” พากันคิดขึ้นมา

ไม่เพียงคิดและลงมือทำอย่างเป็นจริงเป็นจัง หากแต่ภายในความพยายามก็ทำให้เกิดเป็นกลุ่มเป็นขบวนการอันมีพื้นฐานจากประชาชน

กิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” กลายเป็นกิจกรรมของ “ประชาชน”

มีความเด่นชัดว่าจะดำเนินการอย่างไร มีความเด่นชัดว่ามาจากความรู้สึกอะไร เพราะคำว่า “ลุง” ในความรู้สึก “ร่วม” นั้นหมายถึงใคร

รูปการณ์และกระบวนการเคลื่อนไหวนับแต่เดือนมกราคม 2562 เป็นต้นไปจึงแตกต่างในทางรูปแบบจากที่เคยเห็นไม่ว่าเมื่อเดือนตุลาคม 2516 ไม่ว่าก่อนรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557

นี่คือ นวัตกรรมใหม่ในทางการเมือง

เป็นนวัตกรรมอันมีผลสะเทือนมาจากรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 อันมีผลสะเทือนมาจากการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562

เป้าหมายจะ “ไล่ลุง” คนไหน แทบไม่ต้อง “ถาม”