ทะเลาะกันไม่สนโควิด

เบื้องหลังข่าวตัดงบบัตรทอง

บ.ก.ตอบจดหมาย

ทะเลาะกันไม่สนโควิด – เรียน บรรณาธิการ

ทั้งบ้านทั้งเมืองยังเต็มไปด้วยปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสระดับโลก แต่ทำไมพรรคแกนหลักของรัฐบาลกลับมาทะเลาะกันนัวเนีย เป็นข่าวอยู่หลายวันก็ยังไม่มีทีท่าจะซาลงไป เป็นภาพที่ดูไม่ดีมากๆ อยากรู้ว่าเขาขัดแย้งอะไรกันนักหนา จนถึงกับเก็บอาการไม่อยู่ ไม่สนโลกไม่สนโควิด จะต้องให้เปลี่ยนหัวหน้าพรรค เปลี่ยนเลขาธิการพรรค ต้องเปลี่ยนให้ได้ แต่ก็น่าสังเกตว่า อาจจะเกี่ยวข้องกับผลงานการแก้ปัญหาโควิดการเยียวยาประชาชนด้วยหรือไม่ เพราะรัฐบาลโดนประชาชนสวดระงมไปทั้งเมืองจริงๆ

โคขวิด

ตอบ คุณโคขวิด

ที่คุณตั้งข้อสังเกตว่าเป็นเพราะผลงานการแก้โควิดและเยียวยาประชาชน ซึ่งรัฐบาลทำงานไม่เข้าตานั้น เป็นเหตุให้พรรครัฐบาลทะเลาะกันนัวเนียหรือไม่ ก็เป็นเหตุผลที่เป็นไปได้มากทีเดียว








Advertisement

เบื้องหลังข่าวตัดงบบัตรทอง

เรียน บ.ก.

ข่าวที่ส่งกันตามไลน์เรื่องตัดงบบัตรทอง เชื่อว่ามีต้นกำเนิดมาต้องการดิสเครดิตรัฐบาล ในฐานะประชาชน คนหนึ่งขอวิเคราะห์เรื่องนี้ งบประมาณที่รัฐบาลจัดให้กับโรงพยาบาลต่างๆ เพื่อใช้จ่ายตามนโยบายประกันสุขภาพถ้วนหน้านั้น เป็นงบเหมาจ่าย ที่มีมูลค่า 3,600 บาทต่อหัว ต้องรวมทั้งงบจัดหาอุปกรณ์การแพทย์ และค่าตอบแทนบุคลากรที่เป็นพนักงานของรัฐ ค่าน้ำค่าไฟ ฯลฯ เป็นหน้าที่ของผู้อำนวยการโรงพยาบาลในการจัดสรร

เพราะรัฐบาลเหมาจ่าย ส่วนใหญ่จะต้องจัดสรรให้กับโครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้ารักษาฟรี หรือบัตรทอง เพราะดูเหมือนว่าทุกโรงพยาบาลจะขาดแคลนเครื่องมือแพทย์ทั้งสิ้น เมื่อรัฐมนตรีสาธารณสุขสั่งบรรจุพนักงานของรัฐสี่หมื่นห้าพันอัตราเป็นข้าราชการ ดังนั้นงบเหมาจ่ายที่รัฐบาลจัดสรรให้แต่ละโรงพยาบาลก็จะต้องลดลง เพราะไม่ต้องจ่ายค่าตอบแทนพนักงานของรัฐที่เป็นภาระหน้าที่ของกระทรวงการคลังจ่ายแทน ก็เป็นเรื่องที่ถูกต้อง

แต่อย่างไรก็ตามงบเหมาจ่ายที่ลดลงไปจาก 3,600 บาทต่อหัวนั้น ก็ยังต้องใช้สำหรับนโยบายประกันสุขภาพถ้วนหน้าเป็นส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมด ซึ่งทำให้ขาดแคลนเครื่องมือแพทย์ จนต้องขอรับบริจาคจากประชาชน แสดงว่างบประมาณของโรงพยาบาลไม่เพียงพอสำหรับจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ที่จำเป็น ดังนั้นวิธีการที่รัฐบาลจัดงบประมาณแบบเหมาจ่ายจึงเป็นวิธีการที่ไม่ถูกต้อง

เพราะงบประมาณเหมาจ่ายจะถูกใช้ไปกับนโยบายประกันสุขภาพถ้วนหน้าเกือบหมด วิธีที่ถูกต้องก็คือ แยกงบประมาณในโครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้าออกจากงบประมาณอื่นๆ เช่นงบจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ ค่าน้ำค่าไฟ

ขอเสนออีกอย่างคือ การมาโรงพยาบาลที่รับบริการฟรีนั้น ถ้าพอมีกำลังร่วมแชร์ค่าใช้จ่ายคนละ 100 บาททุกครั้งน่าจะดี เพราะเท่าที่สังเกตพบประชาชนส่วนใหญ่ซื้อกาแฟแบรนด์เนมที่เปิดบูธในโรงพยาบาลราคาแก้วละหลายสิบบาทได้ ซึ่งถ้าใช้วิธีนี้ โรงพยาบาลศูนย์ที่มีผู้ป่วยมากกว่าวันละพันราย ก็จะได้รายได้เข้าโรงพยาบาลวันละมากกว่าแสนบาท อาทิตย์เดียวก็ได้เครื่องช่วยหายใจ 1 เครื่องแล้ว

ยายน้ำตาล

ตอบ ยายน้ำตาล

คนแรกๆ ที่ออกมาตั้งข้อสังเกตว่า มีการตัดงบบัตรทองนั้น เป็นนายแพทย์ระดับผู้อำนวยการโรงพยาบาล ซึ่งคงไม่ได้เล่นการเมืองอย่างแน่นอน คงไม่ได้ดิสเครดิตรัฐบาล แต่ตั้งข้อสงสัยเรื่องการจัดสรรงบประมาณ และผลจากการจุดประเด็นนี้ ทำให้นายกฯและรัฐมนตรีสาธารณสุข รีบออกมายืนยันว่าจะไม่ตัดงบบัตรทองเด็ดขาด ซึ่งมีผลช่วยปกป้องบัตรประกันสุขภาพของประชาชนเอาไว้ได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน