ไม่ว่าจะมองจากสถานะในทางกฎหมาย ไม่ว่าจะมองจากสถานะในทางการเมือง ระหว่าง นายวิษณุ เครืองาม กับ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ

นายวิษณุ เครืองาม เหนือกว่า

เพราะว่า นายวิษณุ เครืองาม เป็นดุษฎีบัณฑิตในทางกฎหมายจากมหาวิทยาลัยเบิร์กเลย์แห่งสหรัฐอเมริกา ขณะที่ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ เสมอเป็นเพียงเนติบัณฑิตไทย

นายวิษณุ เครืองาม เป็นระดับ “ศาสตราจารย์”

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ประกอบอาชีพเป็นทนายความและเข้ามาเล่นการเมืองได้รับเลือกตั้งอย่างต่อเนื่องกระทั่งได้เป็น ส.ส.จังหวัดพัทลุง และมีตำแหน่งทางการเมืองสูงสุดคือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม

ขณะที่ นายวิษณุ เครืองาม เป็นถึง “รองนายกรัฐมนตรี”

เหมือนกับว่าเมื่อทั้งคู่ยืนอยู่บนเวทีและต่อสู้กันในเรื่อง “โรดแม็ป” การเลือกตั้ง นายวิษณุ เครืองาม จะมีภาษีเหนือกว่า นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ

เพราะ 1 สามารถพูดแทนคสช. พูดแทนรัฐบาลได้

ขณะเดียวกัน 1 ซึ่งสำคัญเป็นอย่างมากเป็นการพูดโดยอิงอยู่กับบทบัญญัติของ รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 อันถือเป็นกฎหมายสูงสุด

แปลกที่แม้ นายวิษณุ เครืองาม จะยืนยันครั้งแล้วครั้งเล่า

แต่ดูเหมือนความโน้มเอียงในทางสังคมจะเอนไปในข้อคาดหมายของ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ที่ตั้งข้อสังเกตว่า “โรดแม็ป” อาจต้องเปลี่ยนแปลง

เลิกคิดได้เลยว่าจะมีการเลือกตั้งในปี 2561

ต้องยอมรับว่าบทสรุปของ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ไม่เพียงแต่แสดงความไม่เชื่อถือต่อคำยืนยันอันมาจาก นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี

หากที่สำคัญก็คือ ไม่เชื่อ “รัฐธรรมนูญ”

นี่ย่อมมิได้เป็นการท้าทายต่อ นายวิษณุ เครืองาม เท่านั้น หากแต่ยังเป็นการท้าทายต่อรัฐธรรมนูญ และท้าทายต่อคำมั่นอันมาจากคสช.อย่างมีนัยสำคัญ

หากเป็นไปตามคำยืนยันของ คสช.และของ นายวิษณุ เครืองาม

นั่นหมายความว่าความน่าเชื่อถือต่อนักการเมืองอย่าง นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ก็จะต้องสูญสิ้น ไม่ว่าจะออกมาพูดอะไรผู้คนคงจะตั้งข้อสงสัย

แต่หากเป็นไปอย่างที่ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ฟันธงเล่า

การออกมาแสดงความเห็นในเรื่อง “โรดแม็ป” การเลือกตั้งระหว่าง นายวิษณุ เครืองาม กับ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ จึงมีความสำคัญ

สำคัญต่อ “นักการเมือง” สำคัญต่อ “คสช.”

ความน่าสนใจยังอยู่ที่ “ความเห็น” นี้ไม่ยาวนานต่อการพิสูจน์ในทางการเมือง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน