ต้องใช้อย่างสุจริต – คณะกรรมการศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ด้านความมั่นคง เสนอต่อพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินต่อไปอีก 1 เดือน

นับเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันแล้ว ที่รัฐบาลใช้กฎหมายพิเศษนี้โดยอ้างเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในขณะที่ประเทศไทยไม่พบเชื้อภายในประเทศติดต่อกันกว่า 2 เดือน

แม้ก่อนหน้านี้ มีเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดความวิตกกังวล หวาดผวาว่าจะมีการระบาดระลอกที่ 2 คือ กรณีนายทหารชาวอียิปต์ที่ป่วยปรากฏตัวที่ จ.ระยอง และกรณีญาตินักการทูตประเทศซูดานที่ติดเชื้อในกรุงเทพมหานคร

แต่จากการตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยงแล้วทั้งสองแห่งเกือบ 8 พันคนก็ไม่พบว่ามีผู้ติดเชื้อแต่อย่างใด

นายกรัฐมนตรี อ้างเหตุผลที่ต้องคงเครื่องมือนี้ไว้อีกครั้งว่าสำหรับควบคุมโรค เพราะกฎหมายอื่นไม่ครอบคลุมพอ พร้อมกับยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับการควบคุมการเคลื่อนไหวทางการเมือง

แต่ก็เป็นที่น่าสังเกตว่าการชุมนุมของนิสิต นักศึกษา ตลอดจนประชาชนในช่วงหลังๆ มีความเข้มข้น มีผู้ร่วมชุมนุมจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เพียงแต่ในเมืองเท่านั้น แต่ยังแพร่กระจายไปยังต่างจังหวัดด้วย

อีกทั้งที่ผ่านมา รัฐก็ใช้อำนาจจากกฎหมายพิเศษนี้ดำเนินคดีกับผู้ที่เคลื่อนไหวอย่างแข็งกร้าว โดยอ้างสถานการณ์โรคระบาด

บางคนถูกตามไปคุกคามถึงสถานที่พักอาศัยและเคหสถาน

คาดว่าหลังจากนี้ ไปจนถึงวันที่ 31 สิงหาคม ซึ่งอยู่ในช่วงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศ ขณะเดียวกันก็คาดว่าจะมีประชาชนที่ไม่พอใจการบริหารของรัฐบาลจะชุมนุมแสดงออกมากขึ้น

การที่รัฐยังคงพระราชกำหนดนี้ไว้ ก็ไม่น่าจะใช้เพื่อการควบคุมโรคเพียงอย่างเดียว เพราะกฎหมายนี้ให้อำนาจเจ้าหน้าที่อย่างกว้างขวางโดยไม่ต้องรับผิดในฐานะเจ้าพนักงานควบคุมโรค

ดังนั้น ผู้ปฏิบัติหน้าที่ต้องพึงระมัดระวังให้จงหนักว่าไม่ได้มีเจตนาอื่นใดแอบแฝง เพียงเพื่อเป็นเครื่องมือของรัฐจัดการกับประชาชนโดยไม่สนใจเจตนารมณ์ของกฎหมาย

เมื่อผู้นำรัฐบาลย้ำแล้วว่าจะไม่ใช้พ.ร.ก.ฉบับนี้ไปในทางอื่น ก็ต้องเป็นไปเพื่อควบคุมโรคจริงๆ ไม่ใช่เพื่อละเมิดสิทธิและเสรีภาพของประชาชน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน