สดจากสนามข่าว

ยุวนิต สังวาลย์พานิช เรื่อง/ภาพ

ธรรมชาติของมนุษย์เราเวลาพบเจอผู้คนมักติดกับการมองหน้า โดยเฉพาะดวงตา ที่สามารถสื่อให้เห็นลึกลงไปถึงจิตใจ แต่บางครั้งการสื่อสารอาจผิดความหมาย จากอารมณ์ที่คุกรุ่นอยู่ภายในของแต่ละบุคคล

ยิ่งผู้คนที่มีปัญหาเรื่องการควบคุมอารมณ์ด้วยแล้วก็ไม่ต่างกับระเบิดเวลาดีๆ นี่เอง

ดังเช่นเหตุการณ์จ่อยิงหัวน.ศ.หนุ่มคาห้องน้ำกลางมหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม กระสุนเข้าท้ายทอยทะลุคิ้วซ้าย-อาการปางตาย

ขณะที่คนยิงเป็นน.ศ.หนุ่มรุ่นน้องปี 1 สารภาพสิ้น เจอคนเจ็บในห้องน้ำแล้วมองหน้าเหยียดหยาม บวกกับเครียดปัญหาส่วนตัว เลยชักปืนยิงขณะก้มล้างหน้า แล้วกลับมานั่งเรียนต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ย้อนไปเมื่อเวลา 13.00 น. ของวันที่ 3 ส.ค. ร.ต.อ.อธิรัตน์ สุริยะฉาย รอง สารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองนครปฐม รับแจ้งเหตุนักศึกษาถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส จุดเกิดเหตุอยู่ในห้องน้ำชาย ที่ชั้น 5 อาคารเรียนเอ 7 ภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม

หลังรับแจ้งเหตุร้ายจึงรีบรายงานให้ผู้บังคับบัญชารับทราบ ก่อนไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยพล.ต.ต.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.ปรีดา อิ่มเจริญ รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.ไพฑูรย์ พิทักษ์ธรรม ผกก.สภ.เมืองนครปฐม หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม และแพทย์โรงพยาบาลศูนย์นครปฐม

ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบร่างโชกเลือดของนายณัฐวุฒิ สิงห์สร หรือโฉ อายุ 20 ปี น.ศ.ชั้นปี 3 คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม ได้รับบาดเจ็บสาหัสนอนแน่นิ่งไม่รู้สึกตัวอยู่ที่พื้นตรงอ่างล้างหน้า มีบาดแผลถูกยิงบริเวณศีรษะ จากท้ายทอยทะลุออกที่หางคิ้วซ้าย ตำรวจและเจ้าหน้าที่กู้ชีพรีบนำตัวนายณัฐวุฒิส่งโรงพยาบาล โดยอาการบาดเจ็บของนายณัฐวุฒิสาหัส ต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด

จากการสอบถามทราบว่าก่อนเกิดเหตุนายณัฐวุฒิขออนุญาตอาจารย์ที่สอนอยู่มาเข้าห้องน้ำ กระทั่งเวลาผ่านไปมีเพื่อนเข้าไปพบว่านอนแน่นิ่งในห้องน้ำ ไม่รู้สึกตัว มีเลือดไหล จึงรีบแจ้งตำรวจและช่วยกันนำส่งโรงพยาบาล

ด้านนายเกรียงศักดิ์ สิงห์สร อายุ 44 ปี พ่อของนักศึกษาที่ถูกยิง เผยว่า เดินทางจากบ้านที่ จ.สิงห์บุรี มากรุงเทพฯ เพื่อร่วมงานศพญาติ ก่อนภรรยาโทรศัพท์มาบอกว่าให้ช่วยมาดูลูกชายที่โรงพยาบาลด้วย เพราะมีคนแจ้งว่าลูกชายลื่นล้มหัวฟาดพื้นในห้องน้ำจนบาดเจ็บสาหัส จึงรีบเดินทางมาทันที แต่เมื่อมาถึงแพทย์แจ้งว่าลูกชายถูกคนร้ายยิงเข้าที่ท้ายทอย อาการปางตายยังไม่ทราบว่าจะมีชีวิตรอดหรือไม่

นายเกรียงศักดิ์กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องปัญหาส่วนตัวของลูกชายไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไร เพราะไม่เคยเล่าให้ฟัง แต่ก็โทร.คุยกันตลอดเวลา ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นภายในมหาวิทยาลัย เพราะสถานศึกษาต้องมีความปลอดภัยพอสมควร และลูกก็มาศึกษาหาความรู้ ไม่คิดว่าจะมีคนมาแอบลอบทำร้ายกันแบบนี้

พ.ต.ท.ยงลิต ศุภผล รอง ผกก.สส.ภ.จว.นครปฐม เผยว่า คดีนี้แน่ใจว่าเป็นคนในแน่นอน ขณะเดียวกันเมื่อตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดแล้ว พบเห็นพฤติกรรมน่าสงสัยของนักศึกษาชายคนหนึ่ง

ทราบชื่อว่านายสิน (นามสมมติ) อายุ 19 ปี น.ศ.ชั้นปีที่ 1 โดยพบว่าช่วงเวลาใกล้เคียงกับเวลาเกิดเหตุเจ้าตัวได้ลุกไปเข้าห้องน้ำเช่นกัน ก่อนจะกลับมานั่งเรียนด้วยอาการลุกลี้ลุกลนอย่างเห็นได้ชัด เจ้าหน้าที่จึงไปเชิญตัวมาสอบสวน พร้อมตรวจค้นที่บ้านพักที่ ต.ลำพยา อ.เมืองนครปฐม จนพบของกลางเป็นอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ ขนาด .38 อยู่ภายในบ้าน

นายสินสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุจริง โดยก่อนเกิดเหตุนั่งเรียนอยู่ที่ชั้น 5 ซึ่งห้องเรียนติดกันกับผู้บาดเจ็บ จากนั้นขออนุญาตอาจารย์ผู้สอนมาเข้าห้องน้ำ แต่เมื่อผลักประตูเข้าไปพบผู้บาดเจ็บกำลังเดินออกจากห้องน้ำด้านในมาที่อ่างล้างหน้า

“เขามองผมด้วยสายตาเหยียดหยาม จึงรู้สึกโมโห เนื่องจากมีความเครียดจากปัญหาส่วนตัวอยู่แล้ว จึงตัดสินใจชักอาวุธปืนที่พกมาจ่อยิงเข้าท้ายทอยขณะเขากำลังก้มหน้าเปิดน้ำในอ่างน้ำ จากนั้นจึงเดินกลับเข้าไปนั่งเรียนและพยายามทำตัวเป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น กระทั่งถูกตำรวจตามมาจับกุมได้” นายสินรับสิ้น

ขณะเดียวกันทางด้าน ผศ.สมเดช นิลพันธ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม เปิดเผยว่า ขอแสดงความเสียใจกับญาติของผู้บาดเจ็บในครั้งนี้ด้วย ทางมหาวิทยาลัยได้สร้างมาตรการป้องกันเป็นอย่างดีแล้ว เนื่องจากในทุกจุดของมหาวิทยาลัยทางเจ้าหน้าที่ได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้โดยรอบแล้ว แต่ที่เกิดเหตุมันเกิดขึ้นในห้องน้ำ หากจะมีการติดกล้องในห้องน้ำจะถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิ์มากเกินไป ในวันนี้ทางมหาวิทยาลัยได้ประชุมโดยสั่งการลงมาว่าให้ติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ที่บริเวณหน้าห้องน้ำด้วยเพื่อเพิ่มความปลอดภัย

“ต่อไปการรับนักศึกษาเข้าใหม่ต้องดูว่าเด็กนักศึกษามีโรคประจำตัวหรือไม่ มีใบรับรองแพทย์ว่านักศึกษามีอาการทางร่างกายจิตใจปกติ เรื่องที่เกิดขึ้นทางมหาวิทยาลัยเพิ่งจะทราบภายหลังว่านักศึกษาคนดังกล่าวต้องพบจิตแพทย์อยู่ตลอด และมีปัญหาจากครอบครัว เคยถูกกักขังและชอบความรุนแรง” ผศ.สมเดชกล่าว

ไม่รู้ว่าคนแบบนายสินยังมีอยู่ในสังคมมากแค่ไหน หรือจะต้องเดินก้มหน้าก้มตากันอย่างเดียว

ล่าสุดวันที่ 10 ส.ค. นายณัฐวุฒิ หรือน้องโฉ ได้เสียชีวิตลง หลังจากที่นายเกรียงศักดิ์ พ่อของน้องโฉ ตัดสินใจแจ้งแพทย์ว่าไม่ต้องฉีดยากระตุ้นหัวใจและความดัน เพื่อยื้อชีวิตลูกชายอีก ไม่อยากให้ลูกต้องทรมานอีกต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน