ปอบธนาธร – ม็อบเสื้อเหลืองเมืองคอนขับไล่ธนาธร ปิดโรงแรมล้อมรถ ใช้ด้ามธงทุบรถ (ผิดคัน) เป็นเหตุการณ์ที่ควรเกิดขึ้นไหมในเมืองไทยเมืองพุทธ โดยเฉพาะเมืองคอนที่ชูคำขวัญ “เมืองพระ” ไม่เบียดเบียนทำอันตรายผู้ใด
ปัดโธ่ ก็เมืองพุทธนี่ไง “ประเทศกูมี” 6 ตุลา เก้าอี้ฟาด พฤษภา 53 ออกใบอนุญาตฆ่า ยิงหัวเสื้อแดงมาแล้ว
ที่น่าทุเรศคือ ไม่ยักมีผู้หลักผู้ใหญ่ในรัฐบาลเตือนสติ ว่าม็อบใส่เสื้อเหลืองชูธงสัญลักษณ์ไปทำอย่างนี้ไม่สมควร ตรงกันข้าม ลูกพรรค พปชร. ธนกร วังบุญคงชนะ สำทับว่า ธนาธรจะเห็นพลังจงรักภักดีทุกตารางนิ้วที่ไป
ทิพานัน ศิริชนะ อดีตรองโฆษกพรรค ก็ย้อนว่า “รู้ว่ามีม็อบแล้วผ่านทางนั้นทำไม” เธอคงไม่รู้ว่าโลกออนไลน์เอาไปแซะครึกครื้น
ยังไม่นับพุทธะอิสระ ไทยภักดี ศรีสุวรรณ ให้ท้ายกันราวกิตติวุฑโฒ ถามจริงทำอย่างนี้แล้วจะช่วยให้คนส่วนใหญ่หันไปเชียร์เหมือนเสี่ยโป้? หรือแค่ต้องการให้กลัว ไม่กล้าหนุนม็อบราษฎร
สังคมไทยไม่ได้ย่ำเท้าอยู่กับอดีต แม้บางคนยังจมปลัก การใช้กำลังใช้ความรุนแรง ใช้อำนาจอย่างอยุติธรรม มีแต่ผลักคนไปยืนตรงข้าม เหมือนการสลายม็อบวันที่ 16 ต.ค. ที่ ส.ว.สมชาย แสวงการ อ้างว่าฉีดน้ำผสมแก๊สน้ำตาเป็นแค่ “ยาป้ายเด็ก”
ที่สมเพชยิ่งกว่านั้นคือทำไมต้องโทษ “ปอบธนาธร” อย่างที่ บ.ก.ลายจุด สมบัติ บุญงามอนงค์ ตั้งข้อสังเกต ทั้งอำนาจรัฐ ฝ่ายความมั่นคง นักปลุกระดมความเกลียดชัง ไม่สามารถอธิบายให้มวลชนของตนเข้าใจความเป็นจริงว่า ม็อบราษฎรที่นำโดยคนรุ่นใหม่ เกิดขึ้นโดยเจตจำนงเสรี การโทษว่ามีคนอยู่เบื้องหลังมันง่ายดี และทำให้ความโกรธแค้นมีที่ลง
เช่นเดียวกับโทษต่างชาติอยู่เบื้องหลัง ยิวบ้าง อเมริกาบ้าง พอเดโมแครตชนะเลือกตั้ง ด้วยพลังสิทธิมนุษยชน กลับไชโยโห่ร้องว่าไอ้กันจะไม่หนุนหลังม็อบอีกแล้ว
สมองน้อยพอๆ กับโจมตีแกนนำม็อบกินกุ้งเผา ไม่เท่าเทียม ราวกับม็อบราษฎรมีแต่คนจน ขนขึ้นรถบัสมา ตรงข้ามเลย ถ้าไปแหกตาดูเองบ้าง 80-90% คือคนชั้นกลางในเมือง นักเรียนนักศึกษา หนุ่มสาววัยทำงาน แต่งตัวตามแฟชั่น มากันเป็นคู่ๆ บ้างก็ไปเดินห้างก่อนมาม็อบ บ้างก็เลิกม็อบแล้วไปนั่งผับ เพราะทำงานดีๆ มีเงินจ่าย สำมะหาอะไรกับกุ้งเผา
พูดอย่างนี้ไม่ใช่ดูถูกคนจน แต่พูดตามความเป็นจริง มาม็อบต้องมีค่าเดินทางค่าใช้จ่าย ม็อบไม่กี่ชั่วโมงเลิก คนมีภาระจึงมาได้แค่บางครั้ง ต่างจังหวัดยิ่งได้แต่เชียร์อยู่บ้าน
ม็อบราษฎรที่ออกมาวันนี้จึงเป็นคนชั้นกลางในเมืองเสียส่วนใหญ่ ไม่ต่างกับม็อบ กปปส.ที่ยกตนเป็นคนชั้นกลางระดับบนคนมั่งมี คนมีการศึกษา ปริญญาตรี ปริญญาโท ด๊อกเตอร์ นักเรียนนอก อาจารย์มหาลัย หมอ วิศวะ ศิลปิน ครีเอทีฟ อาชีพอิสระ ฯลฯ
ต่างกันที่ หนึ่ง เป็นคนรุ่นใหม่ ไม่ได้เติบโตมาใต้กะลา propaganda สอง เป็นคนรักเสรีภาพประชาธิปไตยที่ตระหนักในเสมอภาคเท่าเทียม ถือตนเป็นไพร่เหมือนเสื้อแดง ยกย่องให้เกียรติในฐานะผู้สู้มาก่อน
เผลอๆ ม็อบราษฎรจะข่มฝ่ายตรงข้ามด้วยซ้ำ เพราะคนชั้นกลางระดับบนคนมั่งมี คนมีการศึกษา ที่เคยไปม็อบ กปปส. วันนี้ไม่รู้หายไปไหนหมด
มันจึงไม่ใช่เป็นเพราะธนาธรอิลลูมินาติ คนรุ่นใหม่ถูกล้างสมอง ตั้งโปรแกรมผ่านมือถือ จนคิดว่าถ้าสามารถฆ่าธนาธร ม็อบราษฎรจะล้มตึง ตื่นจากมนต์สะกด
ตรงกันข้าม ม็อบต่างหากคือปอบธนาธรเป็นแสน และกำลังจะเป็นล้าน ถ้าผู้มีอำนาจยังพยายามหลอกกันเอง ปลุกความเกลียดชัง ใช้อำนาจใช้กำลัง ไม่ยอม Compromise
สมช.ก็หลอกนาย ม็อบแผ่ว ม็อบอ่อนแรง ทั้งที่ม็อบวันนี้ไม่ได้ต่อสู้ด้วยการนับหัวคน แค่แสดงพลังเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์เป็นครั้งๆ ไม่ได้ปักหลักยืดเยื้อยึดทำเนียบยึดสนามบิน ชัตดาวน์กรุงเทพฯ ขัดขวางเลือกตั้ง แต่สู้ด้วยการเอาชนะใจคน เคลื่อนไหวทางความคิดทางวัฒนธรรมในโลกออนไลน์ ซึ่งคนรุ่นใหม่กุมไว้เกือบหมด ปล่อยให้คนรุ่นเก่านั่งดูทีวี เป็นเดือดเป็นแค้นช่องโปรดปลดพิธีกร
คุณทำเป็นไม่เห็นพลังแบนสปอนเซอร์ ด้อมเกาหลีระดมทุน ร้านอาหารชูสามนิ้ว ขึ้นภาพหมุด โดยไม่กลัวคนอีกฝ่ายไม่อุดหนุน นี่คือปรากฏการณ์หลากไหล ทั้งที่ข้อเรียกร้องของม็อบติดเพดาน ไม่เคยมีอย่างนี้มาก่อนในประวัติศาสตร์การเมืองไทย
ไม่เบิ่งตาดูเสียบ้างแล้วดันทุรัง ส.ส. ส.ว.เข้าชื่อยื่นศาลหมายขวางแก้รัฐธรรมนูญ แต่งตั้งข้าราชการการเมือง ไม่แยแสเสียงวิจารณ์
ถ้าธนาธรจะผิด ก็คงเพราะรวยหมื่นล้านไม่ยอมอยู่เฉยๆ กลับมาตั้งพรรคการเมือง ให้คนรุ่นใหม่นิยม แล้วโดนยุบพรรค คนรุ่นใหม่ลุกฮือ
อย่ากระนั้นเลย ก็เอาผิดธนาธรอีก ฐานเลียนแบบพรรคการเมือง ยุบคณะก้าวหน้า ตัดสิทธิผู้สมัครนายก อบจ. จะได้หมดปัญหา ประเทศสงบจบเห่เลย
