สดจากสนามข่าว

สุรชัย พิรักษา เรื่อง/ภาพ

ตี 3 วันที่ 5 ต.ค. ร้อยเวรสอบสวน สภ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ รับแจ้งเหตุรถสิบล้อชนท้ายรถบรรทุกพ่วงที่ถูกจอดทิ้ง ริมถนนสายปะคำ-โนนดินแดง ก.ม.ที่ 106-107 ต.หูทำนบ อ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ แต่เมื่อไปตรวจสอบกลับบานปลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต

พ.ต.ท.สงวน การเพียร รอง ผกก.สอบสวน สภ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ได้รับแจ้งจากศูนย์กู้ภัย ว่ามีเหตุรถชนกันบริเวณถนนสายปะคำ-โนนดินแดง ก.ม.ที่ 106-107 ต.หูทำนบ อ.ปะคำ จึงนำกำลังไปตรวจสอบ

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบรถพ่วง 10 ล้อ ทะเบียน 82-9513 บุรีรัมย์ สภาพพลิกคว่ำตกลงไปในทุ่งนาข้างทางพังเสียหาย มีผู้บาดเจ็บเป็นชาย 1 ราย หน่วยกู้ภัยได้นำส่งโรงพยาบาลแล้ว อีกฝั่งถนนพบลูกพ่วงของรถบรรทุกทะเบียน 71-7692 สระบุรี พลิกคว่ำอยู่มีข้าวสารกระจัดกระจายเกลื่อนถนน แต่กลับไม่พบตัวรถบรรทุกหัวพ่วง

แต่ที่ทำให้เป็นคดีใหญ่ขึ้นมาเนื่องจาก ห่างจากจุดเกิดเหตุเข้าไปริมถนนประมาณ 40 เมตร พบร่าง นายสุวัตร์ ทบหลง อายุ 36 ปี อยู่ ต.โคคลาน อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ในสภาพถูกอาวุธปืนยิงหน้าอกด้านซ้ายทะลุหลังและคมกระสุนกระจายเต็มหน้าอก ซึ่งคาดว่าน่าจะถูกอาวุธปืนลูกซองยิง นอนหายใจรวยรินอยู่ จึงรีบนำส่งโรงพยาบาลโนนดินแดง

พ.ต.อ.โรมรัน จินดานุภาพ ผกก.สภ.ปะคำ รีบเดินทางไปตรวจสอบทันทีหลังรับรายงานเหตุ นายสุวัตร์ซึ่งยังพอมีสติให้การกับเจ้าหน้าที่ว่า ได้ขับรถพ่วง 18 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุ ทะเบียน 71-7690 สระบุรี บรรทุกข้าวสารมาจากจังหวัดนครนายก 20 ตัน นำไปส่งร้านค้าใน จ.บุรีรัมย์

แต่พอมาถึงจุดเกิดเหตุได้มีคนร้ายเป็นชาย 2 คน ขับรถปิกอัพมาประกบแล้วใช้ปืนลูกซองยิงใส่ พร้อมบังคับให้จอดรถก่อนจะใช้ค้อนทุบกระจกด้านข้างประตู ตนจึงกระโดดลงจากรถวิ่งหนี

คนร้ายก็ยังวิ่งไล่ตามไปยิงอีก 2 นัดถูกหน้าอก 1 นัด จากนั้นคนร้ายได้ถอดเอาตัวแม่ที่มีข้าวสารอยู่ 10 ตันขับหลบหนีไป ทิ้งพ่วงลูกไว้บนถนน จนมีรถสิบล้อที่ขับมาชนจนตกถนน นายสุวัตร์ให้การกระท่อนกระแท่น และด้วยอาการบาดเจ็บที่สาหัส หลังถึงมือแพทย์ได้ไม่นานสุดท้ายก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา

คดีนี้ไม่มีพยานเห็นเหตุการณ์ก็จริง แต่เมื่อตำรวจประสานไปยังเจ้าของรถพ่วง ก็ทราบว่าได้ติดตั้งระบบจีพีเอสไว้ที่รถ โดยจากการตรวจสอบพิกัด พบว่ารถคันดังกล่าวจอดอยู่บริเวณบ้านหนองตาเยา ต.หนองแวง อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ติดกับชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน

พ.ต.อ.วรชาติ แสนคำ ผู้กำกับการ กองบังคับการสืบสวน 1 ตำรวจภูธรภาค 3 พร้อม พ.ต.อ.โรมรัน จินดานุภาพ ผกก.สภ.ปะคำ และ พ.ต.ท.ชิษณุพงษ์ เถียรกิตติพงษ์ รอง ผกก.สภ.ปะคำ นำกำลังเดินทางไปยังจุดดังกล่าว จนพบรถบรรทุกถูกจอดทิ้งอยู่ในป่าละเมาะ

ตำรวจระดมกำลังชุดสืบภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ชุดสืบ สภ.ปะคำ, สภ.ละหานทราย, สภ.โนนดินแดง และชุดสืบภาค 3 นครราชสีมา กระจายกำลังออกหาเบาะแสและติดตามไล่ล่าคนร้าย

บ่ายวันนั้นเองก็สามารถติดตามจับกุมตัวผู้ร่วมก่อเหตุได้ทันควัน คือ นายกำพล เขจรรักษ์ อายุ 28 ปี ชาว ต.หนองแวง อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ และนายสัญญา สุริยะบุญ อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นพี่เขย

สอบสวนนายกำพลรับว่าเป็นคนขับรถบรรทุกหลบหนีมาจอดทิ้งไว้ในป่าพร้อมอาวุธปืน ส่วนนายสัญญาเป็นคนนำอาวุธปืน ไปซุกซ่อนไว้ที่บ้านหลังจากก่อเหตุ ขณะที่มือปืนชื่อ นายบุญครอง จงจำ หรือ แจ๊ค อายุ 22 ปี ไหวตัวหลบหนีไปก่อนแล้ว

นายกำพลให้การอ้างถึงสาเหตุว่า วันเกิดเหตุได้ขับรถกลับจากเที่ยวในตัวเมืองบุรีรัมย์กับนายบุญครองหรือแจ๊ค พอมาถึงหน้าปั๊มน้ำมันรถพ่วงคันดังกล่าว ขับตัดหน้าทำให้โมโหจึงขับไล่ตามแล้วใช้ปืนกระหน่ำยิงคนขับ จากนั้นก็ถอดพ่วงออกแล้วขับรถบรรทุกหลบหนีมา

ตำรวจไม่ได้เชื่อคำให้การที่ไม่ค่อยสมเหตุสมผล เพราะพฤติการณ์เหมือนกับทั้งคู่ต้องการก่อเหตุชิงทรัพย์ โดยอาจต้องการเอาข้าวสารหรือรถบรรทุกไปขายต่อ จึงนำมาจอดซุ่มรอลอบส่งข้ามชายแดน แต่มาถูกตามจับกุมได้อย่างทันควันเสียก่อน เบื้องต้นทั้งคู่ถูกแจ้งข้อหา “ร่วมกันปล้นทรัพย์และฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา”

ถูกไล่ล่ากดดันอย่างหนักจนหมดหนทางหนี ในที่สุดเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ผู้ต้องหาคนสำคัญที่เป็นคนใช้อาวุธปืนลูกซองยิงนาย สุวัตร์ คนขับรถพ่วงเสียชีวิต ก็เข้ามอบตัวกับตำรวจ

พ.ต.อ.ชัยยุทธ เจียรศิริกุล รักษาราชการแทน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด เดินทางมาสอบสวนผู้ต้องหาด้วยตัวเอง

1.ที่เกิดเหตุ / 2.จุดทิ้งรถบรรทุก / 3.พฐ.เก็บหลักฐาน / 4.เค้นผู้ต้องหา

มือปืนโหดรับว่า เป็นผู้ลงมือใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจริง โดยซัดทอดว่านายกำพลที่ถูกจับกุมก่อนหน้านี้ เป็นผู้ว่าจ้างด้วยเงิน 15,000 บาท เพราะต้องการชิงรถพ่วงคันดังกล่าว อีกทั้งนายกำพลยังเป็นผู้วางแผนก่อเหตุทั้งหมด

หลังก่อเหตุหลบหนีไปบ้านญาติที่ บ.หนองตาเยา ต.หนองแวง อ.ละหานทราย และหลบเข้าไปอยู่ในป่าโดยยังไม่ได้รับเงิน สุดท้ายหมดทางไปจึงบอกญาติให้ติดต่อพาเข้ามามอบตัว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน