เป็นแม่ไม่ง่าย – “เราเป็นแม่ตลอดไป แต่เราจะเป็นผู้ปกครองตลอดไปไม่ได้”

เมื่อสิบเจ็ดปีที่แล้ว เราดีใจมากตอนที่รู้ว่าท้อง ทั้งที่เพิ่งแต่งงานกันแฟนได้ไม่ถึงปี ทีแรกเราวางแผนกันคร่าวๆว่า หลังแต่งงานอยากจะมีเวลาใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันก่อนที่จะมีลูก เพราะก่อนหน้านั้นต่างคนต่างทำงานและยังไม่ได้ย้ายมาอยู่ด้วยกัน กะว่าอยากจะดื่มด่ำช่วงชีวิตที่เรารอคอย เพราะคบกับแฟนมานานหลายปีก่อนแต่งแต่ไม่เคยอยู่ด้วยกันสักที อยากเดินทางด้วยกัน อยากร่วมชีวิต

แต่พอลูกมา ปรากฏว่าเรากับแฟนดีใจมากๆ แม้หลังจากนั้น ชีวิตของเรากับแฟนจะมีแต่คิดเผื่อว่าจะซื้อของอะไรเข้าบ้านมีผลกับลูกไหม ต้องเตรียมอะไรให้ลูกบ้าง ทำเลบ้านที่เราอยู่มีโรงเรียนไหนใกล้ โรงพยาบาลสำหรับเด็กเผื่อพาลูกไปฉีดวัคซีนแถวๆนี้มีอะไรบ้าง

เราเลือกโรงเรียนอนุบาลให้ลูกแล้วอย่างดี คอยดูแลพัฒนาการของแต่ละช่วงวัยลูกเราก็ค่อยๆเติบโตมาได้อย่างมีความสุข ตอนลูกอายุได้สี่ขวบ พวกเรายังติดสินใจย้ายบ้าน ไปอยู่ในย่านที่ทำเลดี กำลังจะมีรถไฟฟ้าผ่าน เพราะจะได้เดินทางกันสะดวก มีทางเลือกมากขึ้น และเป็นทำเลที่ใกล้โรงเรียนของลูก

เรากับแฟนคิดตรงกันมาตลอดว่าเราจะเป็นคนคอยประคับประคอง สนับสนุน แนะนำ แต่จะไม่ชี้นำลูก เราอยากให้เขาได้มีความคิดเป็นของตัวเอง เป็นอิสระ สร้างสรรค์ เราว่าโลกใบที่เขาจะเติบโตขึ้นมามันจะขยายขอบเขตออกไปอีก มีความเป็นสากลมากขึ้น เราไม่กำหนดเรื่องศาสนาของลูกด้วย เพราะบ้านเราผสานหลายความคิดและความเชื่อ

ลูกเกิดมาในยุคที่เขาได้เรียนรู้และเติบโตขึ้นมาพร้อมกับเครือข่ายออนไลน์และระบบต่างๆที่ถูกเชื่อมโยงเข้าสู่กันโดยเฉพาะเรื่องของข่าวสารข้อมูล เราและลูกได้เรียนรู้ไปพร้อมๆกัน เรากับแฟนก็สอนให้ลูกรู้จักการพิจารณาข้อมูลให้รอบด้าน เรียนรู้ที่จะศึกษาอย่างมีวิจารณญาณโดยต้องเลือกที่มาของข้อมูลที่น่าเชื่อถือ แหล่งที่มาที่อ้างอิงมาจากไหน ใครพูด มีอะไรยืนยันรับรอง เขาจินตนาการไม่ออกด้วยซ้ำว่าโลกยุคที่เราอยู่ สมัยที่ไม่มีโทรศัพท์มือถือ ไม่มีเนต คนเราจะติดต่อหรือทำงานกันได้ยังไง

เราไม่เคยปิดกั้นโอกาสในการที่เขาจะเข้าถึงข้อมูลอะไร แต่เวลาที่ลูกได้รับรู้เรื่องอะไรมา ลูกก็จะมาพูดคุยแลกเปลี่ยนกับพ่อแม่เสมอ เราทำให้เขาแน่ใจว่าบ้านและพ่อแม่คือพื้นที่ปลอดภัยของเขา ไม่ได้เลี้ยงให้เคารพแบบพินอบพิเทาหรือเลี้ยงแบบตีสนิทเท่าเพื่อน แต่เรามีความใกล้ชิดผูกพันกันและแคร์ความรู้สึกกันมาก

เราว่าเรื่องนี้สำคัญ คือความรู้สึก รัก ผูกพัน ห่วงใยความรู้สึกของกันและกันนี้เองที่ทำให้เราไว้ใจกัน และเคารพสิทธิ์ของกันและกันเองโดยไม่ต้องมีใครมาย้ำมาสอน มันมีความสุขมากนะ ช่วงเวลาที่เราได้อยู่ในโลกใบเดียวกันแบบนี้

ลูกเราเคยเสียใจมากๆครั้งหนึ่งตอนที่เขาอยู่ม. 2 ตอนนั้นเรารู้สึกว่าลูกเริ่มเข้าวัยรุ่นแล้ว อารมณ์เริ่มแปรปรวน เป็นช่วงวัยที่เขาเองก็ต้องใช้กำลังใจในการข้ามผ่าน เขาดูเงียบขึ้น ไม่ร่าเริงเปิดเผยเหมือนตอนเด็กๆ แต่ก็ยังคุยกันได้บ้าง เราเองเป็นแม่ที่ใกล้ชิดลูกมาก เคยนอนกอดกันทุกคืน ช่วงนี้เขาก็แยกตัวออกไปนอนเอง กลายเป็นว่าเราที่ใจหาย ไม่อยากให้เขาโต แต่เวลาผ่านไปก็ค่อยๆเริ่มเตรียมใจและเข้าใจธรรมชาติของลูก จนเกือบชินแล้ว

จู่ๆวันนึงลูกก็ร้องไห้โฮวิ่งมากอด ท่าเหมือนเมื่อตอนที่เขาเป็นเด็กๆ เราก็ตกใจมาก ปรากฏว่า แมวที่เขาเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กๆมันตายแล้ว แก่ตาย นอนหลับแล้วตายไปเฉยๆนี่แหละ แต่เขาเสียใจมาก เพราะในวัยรุ่นตอนต้นที่รู้สึกว่าไม่มีใครเข้าใจตัวเอง เขารู้สึกว่ามีแค่แมวตัวนี้แหละที่เป็นเพื่อนชีวิตของเขา

ตอนนั้นบ้านเราทำสิ่งที่ไม่เคยคิดว่าจะทำมาก่อน คือเราจัดงานศพแมว เราไปทำพิธีที่วัด มีการเผาศพ สวดศพ และเช่าเรือไปลอยอังคาร หลายคนก็มองว่าบ้านเราบ้าหรือเปล่า เพราะงานศพหมาแมวนี่ดูเป็นเรื่องฟุ่มเฟือยมากสำหรับคนฐานะธรรมดาๆอย่างเรา แต่เรากลับรู้สึกว่า มันเป็นช่วงเวลาที่สำคัญมากสำหรับลูก พวกพิธีการต่างๆทำให้ลูกได้มีเวลาทำความเข้าใจความสูญเสียที่เกิดขึ้น และทำใจได้ง่ายขึ้นด้วย

ผ่านมาหลายปีตอนนี้เป็นช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่ออีกครั้ง เมื่อลูกต้องสอบเพื่อเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งปีนี้เป็นปีที่หนักมากจริงๆ เราคาดหวังให้เขามีความสุขในโลกที่เขาเลือก ลูกเรามีความสนใจและแสดงออกทางการเมืองชัดเจน ผิดจากรุ่นของเราที่ใครพูดออกมาก็จะถูกว่าว่าหัวรุนแรง ห้ามพูด หรือคอยมีคนปรามตลอดว่าตำรวจจะมาจับ

เราภูมิใจที่ลูกเราเติบโตเป็นคนที่มีความคิดเป็นของตนเอง มั่นใจ และภูมิใจในตัวลูกที่กล้าแสดงความคิดเห็น กล้ายืนหยัดในหลักการ เราเฝ้าแต่จินตนาการว่า โลกในวันเวลาของเรามันกำลังจะผ่านไปแล้ว ต่อจากนี้ไปลูกก็จะมีโลกในวันเวลาของลูกเองที่แตกต่างจากเรา เราห่วง แต่ก็ยังพร้อมที่จะสนับสนุนและเคียงข้างลูกเสมอไม่ว่าจะเรื่องอะไร เราอยากให้ลูกเรารู้ไว้ว่าเรายังเป็นพื้นที่ปลอดภัยของเขาเสมอค่ะ#

โดย…ขึ้นหนึ่งค่ำ

คุณแม่ท่านหนึ่ง กรุงเทพฯมหานคร
ภาพ Pixabay

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน