คอลัมน์ ใบตองแห้ง

ตามหา ‘ขวามีปัญญา’ – เนติวิทย์ชนะเลือกตั้ง เป็นนายกฯ สโมสรนิสิตจุฬา ด้วยคะแนนล้นหลาม 10,324 เสียง จากนิสิตที่มาเลือกตั้ง 14,691 คน ชนะยกทีมโดยไม่ได้หาเสียงว่า จะดูแลความสะอาดโรงอาหาร จะจัดงานฟุตบอลประเพณีให้หรูหรา ฯลฯ อะไรทำนองนั้น แต่พุ่งตรงวิจารณ์การพัฒนาพื้นที่แสวงกำไร ไปจนสิทธิเสรีภาพทางการเมือง การคุมขังเพื่อนๆ ที่โดน 112

สลิ่มคลั่งแทบกระอักเลือด เรียกร้องให้ไม่รับบัณฑิตจุฬาฯ ธรรมศาสตร์ เข้าทำงาน ส่งลูกเรียนแถวบ้าน ไม่เข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำ โถ จะหนีไปไหนพ้น คนรุ่นใหม่คิดเหมือนกันทั้งนั้น ม็อบปี 63 ลามทุกสถาบันทั้งราชภัฏราชมงคลนักเรียนมัธยมเด็กอาชีวะ

ทำไมฝ่ายอนุรักษนิยมไม่ยักมีปัญญาชนที่มีสติปัญญา อธิบายให้กันฟังว่า คนรุ่นใหม่ไม่พอใจระบบการเมืองสังคมอย่างไร ความขัดแย้งเกิดได้อย่างไร คนรุ่นเก่าต้องช่วยกันแก้ไขตรงไหน มีแต่ปลุกกันให้เชื่อว่าไอ้ทอนไอ้บูดอเมริกาหรือจอร์จ โซรอส อยู่เบื้องหลัง สร้างความเชื่อว่านิสิตนักศึกษามหาวิทยาลัยชั้นนำทุกวันนี้โง่ หลอกง่าย (แล้วภูมิใจว่าพวกตัวเองฉลาดนักหนา วันๆ ก็ตื่นมาส่งไลน์สวัสดีวันจันทร์)

เช่นเดียวกับการปลุกความเกลียดชัง คอมเมนต์คุกคามข่มขู่ แช่งเพนกวินอดตาย ไล่สมยศฆ่าตัวตาย แต่ขึ้นรูปโปรไฟล์รักชาติศาสน์กษัตริย์ โพสต์ธรรมะ แชร์เรื่องซาบซึ้งมีน้ำใจช่วยหมาแมว แล้วเชื่อว่าตัวเองเป็นคนดีมีศีลธรรม

ใครว่าคนรุ่นใหม่ไม่มีศีลธรรม เขาก็โตมาตามคำสอนของครู ของพ่อแม่ พอเห็นผู้มีอำนาจทำตามอำเภอใจ ไม่แยแสศีลธรรม เขาก็ต่อต้าน คนรุ่นเก่าต่างหาก ทำเป็นไม่เห็นหรือไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์ในสิ่งที่เห็นตำตา

คนรุ่นใหม่ไม่ได้ติดกับดักความเกลียดชังระหว่างเสื้อสี จึงมองทุกอย่างตามเนื้อผ้า แล้วเห็นความไม่ยุติธรรม ไม่เหมือนคนรุ่นเก่าที่อ้างต้านคอร์รัปชั่น เกลียด “อีปู” โกงจำนำข้าว แล้วเป็นไงล่ะ ไม่ใช่แค่ยิ่งลักษณ์ฟ้องศาลปกครองชนะ ไม่ต้องจ่าย 35,000 ล้าน พวกต่อต้านคอร์รัปชั่นยังหน้าหงาย เมื่อบริษัทแม่โตโยต้ารายงานกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ พบบริษัทลูกในไทยจ่ายสินบนให้คนชั้นนำรวมทั้งผู้พิพากษาอดีตผู้พิพากษา เพื่อไม่ต้องจ่ายภาษีนำเข้าหมื่นล้าน

เรื่องนี้กรรมาธิการกฎหมายน่าจะเชิญประธานศาลฎีกามาชี้แจงได้นะ เพราะไม่ใช่อำนาจตุลาการเป็นอิสระจนตรวจสอบไม่ได้ ทัศนคติอนุรักษนิยมที่เห็นศาลเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แตะต้องไม่ได้ วิจารณ์ไม่ได้ เปิดช่องให้ตัดสินอย่างไม่ชอบมาพากล ไม่ว่าเรื่องนี้จะจริงหรือไม่ก็ตาม

อำนาจอนุรักษนิยมดำรงอยู่ในสังคมไทยมาอย่าง “ยั่งยืน” เพราะรากฐานความคิดคนไทยในอดีต ไม่เชื่อมั่นประชาธิปไตย เกลียดนักการเมือง เชื่อว่าต้องมีอำนาจนำอำนาจนอกระบบ คอยแทรกแซงจัดการ ให้คนดีปกครองบ้านเมือง โดยเฉพาะคนดีจากระบบราชการ จากทหาร ทั้งที่ประเทศไทยปกครองด้วยเผด็จการยาวนานกว่าประชาธิปไตยเสียอีก วางรากฐานของการทุจริตคอร์รัปชั่น ไว้ในระบอบราชการเจ้าขุนมูลนาย

อย่างไรก็ดี ต้องยอมรับว่าอำนาจอนุรักษนิยมในอดีต สามารถสร้างบุคคลที่เป็นตัวแบบทางศีลธรรมจรรยามาใช้ Propaganda หรือฉกฉวยเอาบุคลากรที่มีคุณค่า ไปอุ้มชูให้สวามิภักดิ์ ขณะเดียวกัน ก็มีปัญญาชนนักคิด ช่วยกันวางยุทธศาสตร์ มีสายเหยี่ยวสายพิราบ มีศิลปะในการครองอำนาจ แบบที่พูดกันว่าใช้อำนาจให้น้อย แผ่บารมีให้มาก

ยกตัวอย่างครั้งที่ร้อยครั้งที่พันในฐานะ OctDem ที่ผ่าน 6 ตุลา 2519 เข้าป่าจับปืน ฝ่ายอนุรักษนิยมในยุคนั้นปรับตัวทัน รู้ว่าพลาดไปแล้ว ก็รัฐประหารตัวเองโค่นรัฐบาลหอย รีบให้มีเลือกตั้ง นิรโทษกรรม 66/23 สร้างประชาธิปไตยครึ่งใบ แม้แน่ละ มีปัจจัยอื่นหลายประการในความพ่ายแพ้ของพรรคคอมมิวนิสต์ไทย แต่ฝ่ายอนุรักษนิยมรุ่นนั้นก็มีสติปัญญาพอประมาณ

แน่ละ ถ้ามองอีกด้าน บางคนก็ว่าพวกเขาจงใจปลุกความเกลียดชัง ให้ร้ายป้ายสี จนเกิด 6 ตุลา “เก้าอี้ฟาด” แต่หลังจากใช้สายเหยี่ยว ก็เปลี่ยนมาใช้สายพิราบ แผ่เมตตา Propaganda จนสถาปนาอำนาจนำได้อย่างมั่นคง

ตัดฉับกลับมาวันนี้ สิ่งที่สังคมเห็นคืออำนาจอนุรักษนิยมหาทางลงไม่เจอ ประยุทธ์ใช้ ม.44 นาน 5 ปี เป็นเผด็จการที่สุดนับแต่รัฐบาลหอย สืบทอดอำนาจ 2 ปี ไม่ยอมให้แก้รัฐธรรมนูญ ไม่ยอมให้ตัดอำนาจ 250 ส.ว. เทียบโดยยุคสมัยแล้วถอยหลังไปยิ่งกว่ายุคเปรม

ที่เป็นเช่นนี้เพราะระบอบอำนาจอนุรักษนิยมปรับตัวไม่ได้ จนเกิด 6 ตุลาซ้ำไปซ้ำมา จากพฤษภา 53 มาสู่กฎหมายวิบัติปราบปรามคนรุ่นใหม่ ไม่สามารถหาจุดประนีประนอม กับระบอบประชาธิปไตยและสังคมที่เปลี่ยนไป

การปลุก “มวลชนฝ่ายขวา” แบบวิทยุยานเกราะ เพื่อสร้างสลิ่ม IO ก็ย่ำอยู่กับความเกลียดชัง นับวันยิ่งตกต่ำ โดยไม่มีทีท่าเลยว่าจะมีฝ่ายอนุรักษนิยมสายพิราบ สายที่มีสติปัญญา ออกมาหาทางคลี่คลายสถานการณ์

นี่ถามหาจริงๆ ว่าอนุรักษนิยมที่มีสติยังมีไหม หรือมีแต่พวกคลั่งพาพัง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน