แฟ้มคดี

กลายเป็นคดีอื้อฉาวที่ดูจะไม่จบลงง่ายๆ สำหรับกรณีที่นายแพทย์ใหญ่ซิ่งเก๋งพุ่งชน รปภ.ของกระทรวงสาธารณสุข ขณะปฏิบัติหน้าที่ปิดประตูกระทรวง

ไม่เพียงแค่นั้น ภาพวงจรปิดยังชัดเจนว่าเจ้าตัวเดินลงมาดู ก่อนขึ้นรถขับลากไปไกลกว่า 20 เมตร จนอาการสาหัส แถมหลังจากเกิดเหตุหมอคนดังก็ปฏิเสธที่จะให้ตำรวจตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ และไม่ได้ไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บเลย

จนกระทั่งผ่านไป 2 วัน เรื่องทำท่าจะเงียบหายไป แต่ก็มีคนนำภาพจากกล้องวงจรปิดที่เกิดเหตุมาเผยแพร่ทางโซเชี่ยลมีเดีย

ส่งผลให้ผู้บริหารกระทรวงต้องเปิดแถลง พร้อมนำตัวแพทย์ที่ก่อเหตุไปเยี่ยมอาการผู้บาดเจ็บและครอบครัว

ประกาศรับผิดชอบค่าเสียหาย แต่ไม่ยอมรับว่าตัวเองเมาขับ และเมื่อเป็นข่าวดัง ความเอาจริงเอาจังของตำรวจก็ยืนยันมีหลักฐานถึงขั้นตั้งข้อหาพยายามฆ่าโดยไตร่ตรอง

ส่วนเรื่องเมาขับก็ติดตามไปจนถึงร้านอาหารที่หมอคนดังนั่งดื่มกินก่อนเกิดเหตุ

พร้อมยืนยันว่าเมาแน่นอน!??

ที่เหลือก็แค่การดำเนินคดีทางกฎหมาย ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร

ให้ความเป็นธรรมกับทุกคนอย่างเท่าเทียมหรือไม่

ช็อกหมอดังซิ่งเก๋งชนรปภ.

เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นที่รับรู้ในสังคมเมื่อเช้าวันที่ 13 พ.ย. เมื่อสื่อออนไลน์พากันเปิดเผยคลิปเหตุการณ์ระทึกขวัญ ซึ่งเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพ รปภ.หนุ่มกำลังเดินมาที่ประตูทางเข้า-ออก ก่อนที่นาทีถัดมาจะเป็นภาพรถเก๋งฮอนด้า สีขาว พุ่งชนเข้าอย่างจัง จากนั้นคนขับลงมายืนดูสักพัก แล้วขึ้นรถขับต่อไป โดยมีร่าง รปภ. ติดอยู่ใต้ท้องรถ!!

โดยมีการระบุว่าคนที่ขับชนเป็นบุคลากรของกระทรวงสาธารณสุข และเหยื่อที่ถูกขับชนเป็น รปภ. ของกระทรวงสาธารณสุขเอง หลังเกิดเหตุถูกนำส่งโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า รักษาอาการอยู่ในห้องไอซียู ในสภาพสาหัส

แถมหลังจากเหตุการณ์ยังไม่มีใครติดต่อแสดงความรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น

จนกระทั่งเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ พญ.พรรณพิมล วิปุลากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้เรียกตัว นพ.ยอร์น จิระนคร สาธารณสุขนิเทศก์ เขต 12 ซึ่งมีสถานที่ทำการอยู่ที่ จ.สงขลา เข้าพบโดยด่วน และพาไปเยี่ยมอาการของเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย

กระทั่งเรื่องราวได้เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 10 พ.ย. ขณะที่ผู้บาดเจ็บคือ นายสมชาย ยามดี หรือนัท รปภ.ของกระทรวงสาธารณสุข เดินมาเพื่อใช้โซ่คล้องประตูเข้ากระทรวง ฝั่งร.พ.บำราศนราดูร

ทันใดนั้นก็มีเก๋งฮอนด้า ที่มี นพ.ยอร์นขับมาพุ่งชนประตูและนายสมชาย จนร่างเข้าไปอยู่ใต้ท้องรถแล้วลากไปไกลกว่า 20 เมตร

โดย นพ.ยอร์นระบุว่า เมื่อข่าวออกไปคงถูกตีตราว่าเป็นฆาตกร แต่ยอมรับสิ่งที่ทำ ตนขับรถชนนายสมชายเอง และยืนยันกับญาติว่าจะรับผิดชอบกับญาติทุกอย่าง ต้องขออภัยและพร้อมที่จะต่อสู้กับข้อเท็จจริง การเผชิญความจริงเป็นสิ่งที่ควรทำ

ส่วนเหตุการณ์ในการชนนั้นได้ให้การกับตำรวจเรียบร้อยแล้ว เช่นเดียวกับว่ามึนเมาหรือไม่ก็ให้การตำรวจเรียบร้อย

“วันเกิดเหตุประมาณ 2 ทุ่ม จุดตรงนั้นมืดมาก ผมมองไม่เห็น มีรถคันหน้าเข้าไปก่อน ผมขับตาม แล้วเกิดเหตุ ถุงลมนิรภัยทำงาน แล้วก็ชนเข้ากับประตู แล้วจึงหยุดรถ ก่อนจะขับออกไปต่อ เพราะคิดว่าชนประตู ไม่มีคนอยู่ใต้รถ หลังเกิดเหตุผมก็หยุดรถ ให้ผู้เกี่ยวข้องมาช่วย ให้รถฉุกเฉินมาช่วย ยอมรับว่าผมไม่ได้โทร.แจ้ง และไม่ได้ช่วยปฐมพยาบาล ตอนนั้นคิดอย่างเดียวว่าทำอย่างไรให้ส่งคนเจ็บไปโรงพยาบาลเร็วที่สุด และยืนยันว่าไม่ได้หลบหนี”

เป็นคำชี้แจงจากแพทย์ที่ก่อเหตุ

โดนหนัก”พยายามฆ่า-เมาขับ”

ส่วนเรื่องคดีความ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รรท.รองผบ.ตร. เดินทางสอบปากคำผู้ต้องหาด้วยตัวเอง ทั้ง 5 ข้อหา ประกอบด้วย 1.ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสและทรัพย์สินเสียหาย 2.เมาสุราขณะขับรถ 3.ขัดคำสั่งเจ้าพนักงานและปฏิเสธในการเป่าวัดแอลกอฮอล์ก็ตาม แต่เจ้าหน้าที่มีกฎหมายจราจรทางบกระบุให้สันนิษฐานถือว่าผู้นั้นเมา

4.พยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนแล้ว 5.ขับรถโดยประมาทเฉี่ยวชนผู้อื่นได้รับบาดเจ็บแล้วหลบหนีและไม่หยุดลงมาช่วยเหลือ

โดยทั้งหมดถือเป็นการกระทำความผิดต่างกรรม ต่างวาระ กรรมที่ 1 คือ ผู้ต้องหาชนรั้วประตูจนล้มทับ รปภ.จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนกรรมที่ 2 คือ ช่วงที่ผู้ต้องหาหยุดรถประมาณ 25 วินาที ถือเป็นการไตร่ตรอง ก่อนขับรถทับร่างของรปภ. ลากร่างไปไกลกว่า 20 เมตร มีเจตนาฆ่า รปภ.ให้ถึงแก่ความตาย

ส่วนที่ลือว่าหลังจากก่อเหตุผู้ต้องหาติดต่อไปหานายตำรวจใหญ่ ให้สั่งพนักงานสอบสวนไม่ให้เป่าแอลกอฮอล์นั้น ขณะนี้ยังไม่มีรายงานมาถึง ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงต้องรับทราบแน่นอน หากผู้ต้องหาไม่เป่าทางเจ้าหน้าที่ก็มีหลักฐานพิสูจน์ว่าผู้ต้องหาอยู่ในอาการมึนเมาได้ อย่างไรก็ตามผู้ต้องหายังคงให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยเฉพาะข้อหาเมาสุราแล้วขับ

พร้อมกันนั้นพล.ต.อ.วิระชัย ยังนำคณะลงพื้นที่จริงในช่วงค่ำวันที่ 14 พ.ย. เพื่อจำลองสถานการณ์ในสถานที่จริง เพื่อดูว่าสถานที่มืดเหมือนอย่างที่นพ.ยอร์นกล่าวอ้างหรือไม่ รวมทั้งวัดระยะเบรกของรถ ซึ่งดูแล้วไม่มีระยะเบรกเลย

ส่วนเรื่องที่ นพ.ยอร์นให้การว่าไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์นั้น จากการสอบสวนเจ้าของร้านอาหารริมน้ำเจ้าพระยา ใน จ.นนทบุรี ระบุชัดว่าเมื่อเวลา 16.00-19.20 น. พบ นพ.ยอร์นมาดื่มสุราที่ร้านกับเพื่อนอีกคน

โดยนำสุราต่างประเทศขนาด 1 ลิตรมาเอง 1 ขวด แต่ไม่แน่ใจว่าเต็มขวดหรือไม่ พร้อมสั่งโซดาที่ร้าน 4 ขวด น้ำแข็ง 2 ถัง กับแกล้มเป็นปีกไก่ทอดเกลือ 1 จาน คิดค่าอาหารทั้งหมด 190 บาท ส่วนที่จำได้ก็เพราะ นพ.ยอร์นเป็นลูกค้าประจำของร้าน มาเฉลี่ยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง

จากหลักฐานทั้งหมดทำให้พล.ต.อ.วิระชัยระบุว่าค่อนข้างสมบูรณ์ นพ.ยอร์นดื่มสุราไม่ต่ำกว่า 12 แก้ว ซึ่งส่งผลให้มึนเมาได้แน่นอน ทั้งนี้ ต้องรอผลการวินิจฉัยอาการของผู้บาดเจ็บว่าบาดเจ็บสาหัสหรือไม่ หากพบว่าบาดเจ็บสาหัสก็อาจจะเพิ่มข้อหา ก่อนรวบรวมทำเป็นสำนวนคดีส่งพนักงานอัยการให้ฟ้องต่อศาลต่อไป

ยืนยันว่าหลักฐานชัดเจน

สธ.เต้น-สั่งเด้งเข้าส่วนกลาง

ขณะที่อาการของผู้บาดเจ็บนั้น แพทย์ผู้รักษานายสมชายระบุว่า วันเกิดเหตุคือวันที่ 10 พ.ย. โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า ได้รับประสานว่าเกิดอุบัติเหตุที่กระทรวงสาธารณสุข จากนั้นมีผู้นำคนเจ็บส่งโรงพยาบาลประมาณ 20.00 น. พบคนไข้มีเลือดออกบางๆ มีภาวะสมองบวม จึงใช้ท่อช่วยหายใจและรักษาตามอาการ

1.สอบร้านอาหาร / 2.หมอเยี่ยมเหยื่อซิ่ง / 3.นาทีชนรปภ. /4.ตร.แจ้งข้อหา

จากนั้นวันที่ 12 พ.ย. แพทย์สังเกตตามปกติ จนเวลา 21.00 น. คนไข้อาการทรุดลง ส่งเอกซเรย์สมองซ้ำ พบมีเลือดออกมากขึ้น มีสมองช้ำมากขึ้น จึงผ่าตัดเปิดกะโหลกและนำก้อนเลือดออก คนไข้ยังไม่รู้สึกตัว ถือว่าอาการยังวิกฤต ส่วนบาดแผลที่ใบหน้า กระดูกที่ใบหน้าต้องรอภาวะทางสมองดีขึ้นก่อนจึงจะพิจารณารักษาต่อไป

ต่อมาวันที่ 14 พ.ย. แพทย์ระบุอาการว่า อาการคงที่ สัญญาณชีพปกติ ระดับความรู้สึกตัวสามารถตอบสนองดีขึ้น ยกมือยกเท้าได้ เมื่อบอกให้ชู 2 นิ้วก็สามารถทำได้ สัญญาณตอบสนองทางสมองอยู่ในระดับดี เพียงแต่ยังไม่พ้นวิกฤต ยังไม่สามารถหายใจได้ด้วยตัวเอง ต้องใช้ท่อช่วยหายใจ

จึงต้องประเมินต่อไปว่าอีก 1-2 สัปดาห์หากยังหายใจเองไม่ได้จำเป็นต้องเจาะคอ ทั้งนี้พบว่ามีไข้สูงประมาณ 38.2-38.3 องศาเซลเซียส ซึ่งอาจเกิดจากการติดเชื้อหลังผ่าตัด ต้องปรับยาปฏิชีวนะ และเพาะเชื้อคาดว่าจะทราบผล 2-3 วัน

ขณะที่ข้อเรียกร้องให้กระทรวงสาธารณสุขตั้งกรรมการสอบวินัย นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข ระบุว่า เจ้าตัวออกมาแสดงสปิริตยอมรับและดูแลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บแล้ว กรณีดังกล่าวเป็นคดีอาญา ต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการ ส่วนจะตั้งคณะกรรมการสอบทางวินัยหรือไม่นั้นต้องพิจารณาก่อน เนื่องจากเหตุที่เกิดขึ้นอยู่นอกเวลาราชการ

ทั้งนี้ หากตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาแล้วก็ต้องว่าตามกฎหมาย เรื่องอาญาต้องถามตำรวจ ทุกอย่างว่าตามเนื้อผ้าและข้อเท็จจริง ส่วน นพ.ยอร์นมีอาการเมาสุราหรือไม่ คงต้องไปดู เพราะไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ ขอให้เป็นหน้าที่ของตำรวจไปสอบสวน

พญ.พรรณพิมล วิปุลากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการเสนอให้สอบความผิดวินัย ว่า นพ.ยอร์นได้เดินทางไปสถานีตำรวจแล้ว หากคดีสิ้นสุดตามระบบราชการก็จะพิจารณาว่าเกี่ยวโยงกับระเบียบราชการอย่างไรบ้าง และจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยตามระเบียบของข้าราชการพลเรือนพิจารณา แต่ขณะนี้คดียังไม่สิ้นสุดขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการก่อน

“ที่ไม่ตั้งคณะกรรมการสอบวินัยควบคู่ไปนั้น เพราะต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากเราตั้งควบคู่ไปก็จะเหมือนเราทำเรื่องแทนตำรวจ อย่างไรก็ตามปลัดกระทรวงสั่งตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว”

ด้าน นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า สั่งย้าย นพ.ยอร์น มาปฏิบัติงานส่วนกลาง ในกลุ่มที่ปรึกษาระดับกระทรวง สำนักวิชาการ กระทรวงสาธารณสุข และดูว่าผลของการสอบสวนมีความเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดในระเบียบราชการหรือไม่

ยืนยันไม่ช่วยพวกเดียวกันเองแน่นอน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน