ตามตร.จับโจรจี้เซเว่น – ด้วยความที่ กทม.เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดตามมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 จึงมีการปิดร้านสะดวกซื้อในช่วงเวลา 4 ทุ่มถึงตี 4 หลายจังหวัดมีประกาศห้ามออกนอกบ้านในช่วงดังกล่าว แต่ในส่วนของ กทม.ไม่ได้ห้ามออกนอกบ้าน กลายเป็นช่องทางให้คนร้ายสบโอกาสลงมือก่อเหตุ

ย้อนไปเมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 8 พ.ค. 2564 ร.ต.ท.ชยุตม์ บุญละเอียด รองสารวัตร (สอบสวน) สน.โคกคราม รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้อาวุธมีดจี้ชิงทรัพย์ร้านสะดวกซื้อ ฝั่งตรงข้ามปากซอยคลองลำเจียก 25 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม ร.ต.อ.พิเชษฐ์ เนินกลาง รอง สวป. และฝ่ายสืบสวน สน.โคกคราม

ตร.ตรวจที่เกิดเหตุ

ที่เกิดเหตุเป็นร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น สาขา 14321 เจ้าหน้าที่พบพนักงานหญิงยืนอยู่ภายในร้าน 2 คน และยังมีอาการตกใจกลัว ส่วนคนร้ายหลังก่อเหตุใช้อาวุธมีดจี้ชิงทรัพย์ได้เงินสดจำนวน 6,460 บาท และซิมการ์ดโทรศัพท์มือถืออีกจำนวนหนึ่งหลบหนีไป

จากการสอบถาม น.ส.นิสา (สงวนนามสกุล) อายุ 22 ปี พนักงานร้าน ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุช่วงเวลา 01.30 น. มีพนักงานขับรถมาส่งสินค้า ส่วนตนกับเพื่อนพนักงานอีกคนหนึ่งกำลังจัดเตรียมสินค้าเพื่อรอเปิดร้านในช่วงเวลา 04.00 น. ตามมาตรการควบคุมโรคโควิด-19

น.ส.นิสากล่าวต่อว่า หลังจากรถส่งสินค้าเสร็จขับออกไปแล้ว ช่วงระหว่างที่ตนอยู่ด้านหลังร้าน ได้ยินเสียงสัญญาณดังคล้ายมีลูกค้าเดินเข้ามาทางหน้าประตู จึงออกไปดูก็เห็นคนร้ายเป็นชายสวมเสื้อคลุมแขนยาวสีดำ นุ่งกางเกงขาสามส่วน ผูกผ้าปิดปากสีดำ รูปร่างสูงประมาณ 160-170 เซนติเมตร ไว้ผมรองทรง ถืออาวุธมีดปลายแหลมเดินเข้ามา บอกให้ตนเดินกลับเข้าไปหลังร้าน

วงจรปิดขณะก่อเหตุ

น.ส.นิสา นาทีเผชิญหน้ากับคนร้ายว่า ด้วยความตกใจกลัวจะได้รับอันตรายจึงยอมทำตาม ก่อนจะรีบวิ่งขึ้นไปดูภาพวงจรปิดก็สังเกตเห็นคนร้ายเดินวนอ้อมเคาน์เตอร์เข้าไปรื้อค้นหยิบเงินสดและซิมโทรศัพท์มือถือ โดยใช้เวลาไม่นานก่อนจะรีบไปซ้อนรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าพีซีเอ็กซ์ สีเทา วงล้อขอบสีทอง ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ที่มีคนร้ายอีกคนหนึ่งสวมเสื้อแขนสั้นสีฟ้า นุ่งกางเกงยีนส์ขายาว นั่งคร่อมรถจักรยานยนต์รออยู่ ก่อนจะพากันหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว

หลังรับทราบข้อมูล ฝ่ายสืบสวนจึงตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณดังกล่าวเพื่อหาเส้นทางหลบหนี ก่อนประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.ตร.) เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ เพื่อเก็บลายนิ้วมือแฝงของคนร้ายไว้เป็นหลักฐานดำเนินคดี

คดีนี้ชุดสืบสวน สน.โคกคราม ใช้เวลา 60 ชั่วโมง จึงจับกุมได้ โดยเมื่อวันที่ 10 พ.ค. พ.ต.อ.ศรีสันต์ เฟื่องสังข์ ผกก.สน.โคกคราม พ.ต.ท.สยมภู กุลจิตติสิโรดม รอง ผกก.สส.สน.โคกคราม พ.ต.ท.คมไพร ทองลาด สว.สส.สน.โคกคราม และชุดสืบสวน สน.โคกคราม ร่วมกันจับกุมนายมานพ หรือนิว ชุ่มทอง อายุ 28 ปี หมายจับข้อหาชิงทรัพย์ ได้ที่บริเวณซอยวัดสุข ถนนนิมิตรใหม่ แขวงสามวาตะวันออก เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร

พฐ.เข้าเก็บหลักฐาน

การจับกุมดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ ทั่วพื้นที่ สน.โคกคราม ตามโครงการของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. กระทั่งพบรูปพรรณสัณฐานคนร้าย เจ้าหน้าที่พิสูจน์ทราบได้ว่าคือนายมานพ หรือนิว จนสามารถติดตามจับกุมตัวได้พร้อมชุดที่ใช้ก่อเหตุ ส่วนอาวุธมีดเจ้าตัวอ้างว่านำไปทิ้งไว้ย่านมีนบุรี

จากการสอบสวนนายมานพให้การรับสารภาพว่า ก่อเหตุดังกล่าวจริง ก่อนหน้านี้เคยถูกจำคุกดำเนินคดีข้อหาชิงทรัพย์ที่ทัณฑสถานวัยหนุ่มกลางและออกมาเมื่อวันที่ 13 เม.ย.ปีที่แล้ว และออกมาประกอบอาชีพขับรถจักรยานยนต์ส่งของอยู่ย่านแฟชั่นไอส์แลนด์ รามอินทรา วันเกิดเหตุนั่งดื่มเหล้ากับเพื่อนแล้วมีการพูดท้าทายเรื่องเคยถูกคดี

 

จับพร้อมของกลาง

ผู้ต้องหากล่าวอีกว่า ตนพร้อมเพื่อนอีกคนคือนายโอ๋ ที่อยู่ระหว่างหลบหนี ได้ตระเวนไปตามร้านสะดวกซื้อต่างๆ เห็นร้านสะดวกซื้อจุดเกิดเหตุเปิดประตูไว้ระหว่างที่พนักงานทำการนับเงินอยู่แคชเชียร์ จึงตัดสินใจก่อเหตุโดยใช้เวลาประมาณ 6 นาที แบ่งเงินกันแล้วหลบหนี สาเหตุเพราะอยากได้เงินมาใช้จ่ายรวมถึงติดการพนัน

เมื่อตรวจสอบเพิ่มทราบว่า ครอบครัวนายมานพมีอาชีพการงานค่อนข้างดี พ่อเป็นเชฟอยู่ประเทศสวีเดน แม่ขายเสื้อผ้าออนไลน์ โดยพ่อเตรียมจะบินกลับมาเตรียมจัดงานบวชพระให้สิ้นเดือนนี้ แต่อาจจะเพราะความคึกคะนองจึงก่อเหตุดังกล่าว

พุฒิสรรค์ แก้วบัวดี
สราวุฒิ ศรีเพ็ชรสัย
เรื่อง/ภาพ

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน