คอลัมน์ สดจากสนามข่าว
โดย…สุพล บุญชื่นชม – จักรพันธ์ นาทันริ / เรื่อง-ภาพ
ย้อนรอยตร.ล่าไม่เลิก ขอนแก่นยันเมืองปทุม ตามล็อกโจ๋ปล้นทอง
“โจรปล้น 10 ครั้ง ไม่เท่าไฟไหม้ครั้งเดียว แต่ไฟไหม้ 10 ครั้ง ก็ยังไม่เท่ากับการเล่นการพนัน”
สำนวนไทยๆ ที่บ่งบอกความจริงอย่างไร้ข้อโต้แย้ง เพราะถึงจะถูกโจรปล้นจนหมดตัว ก็ยังเหลือบ้านช่องห้องหอ ถึงจะถูกไฟไหม้บ้านจนเหี้ยนกี่รอบ ก็ยังเหลือที่ดินให้ปลูกบ้านหรือทำกินก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาใหม่ได้อีกครั้ง
ชูปืนบุกแต่ไม่มีใครสนใจ
ทว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่ริอ่านติดเล่นการพนันจะไม่มีสิ่งใดหลงเหลืออยู่อีก
แม้แต่อนาคต…!!?
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงหัวค่ำวันที่ 20 พ.ย. ศูนย์วิทยุ ‘แก่นนคร 191’ สภ.เมืองขอนแก่น รับแจ้งเกิดเหตุคนร้ายบุกเดี่ยวใช้อาวุธปืนชิงทรัพย์ร้านทองภายในห้างสรรพสินค้าชื่อดังกลางเมืองขอนแก่น
พล.ต.ต.นพเก้า โสมนัส ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น รีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุทันทีหลังรับแจ้ง พร้อมด้วย พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น เจ้าหน้าที่ฝ่ายสอบสวน เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน และเจ้าหน้าที่พฐ.
ที่เกิดเหตุคือห้างทองกีรติ (แม่ทองพูล) ตั้งอยู่บริเวณชั้น 2 ของศูนย์การค้าดังกล่าว พบพนักงานร้านที่กำลังตื่นตกใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในร้านที่เกิดเหตุ พบคนร้ายเป็นชาย สวมเสื้อยืดสีขาว นุ่งกางเกงยีนส์ สวมเสื้อยืดแขนยาวสีดำและสวมเสื้อยืดสีขาวแขนสั้นด้านหลัง เขียนภาษาอังกฤษว่า “WHY SO SERIOUS” ทับไว้อีกชั้นหนึ่ง นุ่งกางเกงยีนส์ สวมรองเท้าผ้าใบ สวมหมวกไอ้โม่งปิดบังใบหน้า ชูปืนเดินเข้าไปในร้าน
แต่พนักงานไม่มีใครสังเกตเพราะกำลังให้บริการลูกค้าอยู่ คนร้ายจึงยิงปืนขึ้น 1 นัด สร้างความแตกตื่นให้ทุกคนพากันวิ่งหนีตาย จากนั้นคนร้ายกระโดดข้ามเคาน์เตอร์ด้านหน้า กระชากสร้อยทองคำที่โชว์อยู่ด้านหลังวิ่งหลบหนีไป พร้อมยิงปืนขึ้นฟ้าอีกหลายนัดขู่ให้ผู้คนเปิดทางให้หลบหนี
เบื้องต้นพบว่าคนร้ายทำถุงหิ้วพลาสติกลักษณะสี่เหลี่ยม ข้างนอกขาว ด้านในเป็นลาย ตกอยู่ที่พื้นในร้านทอง เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน 4 จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานและนำไปตรวจหาดีเอ็นเอของคนร้าย
นอกจากนั้นยังพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 ม.ม.ตกอยู่ 3 ปลอก แต่เป็นลูกแบงก์ หรือกระสุนเสียงที่ไม่มีหัวลูกปืน
ผู้คนวิ่งหนีตายเปิดทางให้คนร้ายลงมือ
เบื้องต้นพบคนร้ายได้สร้อยคอทองคำน้ำหนักเส้นละ 3 บาทไปรวม 8 เส้น แต่พบว่าคนร้ายทำตกไว้บริเวณลานจอดแห่งหนึ่งในซอยวัดวุฒารามที่อยู่ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ
เหตุอุกอาจครั้งนี้ พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภาค 4 ลุยสางคดีเองทันที โดยส่งนายตำรวจนักสืบมือดี พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม ผบก.สส.ภาค 4 คุมทีมสืบสวนกระจายกำลังออกติดตามตัว พร้อมตรวจสอบกล้องวงจรปิดรอบบริเวณ
พบว่าคนร้ายเดินเท้ามาจากบริเวณลานข้าวเหนียวเข้าไปก่อเหตุ หลังลงมือเสร็จวิ่งออกจากห้าง ไปทางด้านประตูฝั่งทิศตะวันออกกลับทางเดิม ผ่านบริเวณลานข้าวเหนียว ข้ามถนนศรีจันทร์ ก่อนจะเลี้ยวเข้าไปภายในชุมชนหลักเมือง มุ่งหน้าไปทางสถานีรถไฟขอนแก่นก่อนหายตัวไป
เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ตำหนิรูปพรรณคนร้ายไปทุกช่องทาง โดยจัดชุดสายตรวจออนไลน์ตามเฝ้าฟังข้อมูลทุกช่องทาง กระทั่งมีพลเมืองดีแจ้งเบาะแสเข้ามาจึงไปตรวจสอบบริเวณลานจอดรถแห่งหนึ่งในซอยวัดวุฒาราม ไม่ห่างจากจุดเกิดเหตุมากนัก พบสร้อยข้อมือทองคำน้ำหนัก 3 บาท จำนวน 1 เส้น ตกอยู่
เมื่อตรวจสอบรอบจุดที่พบสร้อยทองของกลางตกอยู่ พบว่าบริเวณใกล้เคียงมีหอพักแห่งหนึ่งอยู่ใกล้บริเวณที่คนร้ายหายไป และไม่พบการหลบหนีออกจากบริเวณหอพักดังกล่าว คาดว่าคนร้ายน่าจะเข้าไปหลบซ่อนตัว
เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบที่หอพักดังกล่าวแต่ไม่พบตัวคนร้าย เมื่อสอบถามผู้ดูแลหอพัก พบว่ามีผู้เช่ารายหนึ่งรูปพรรณใกล้เคียงกับคนร้าย โดยมาเปิดห้องพักรายวันเมื่อวันที่ 16 พ.ย. ก่อนเช็กเอาต์ออกไปเมื่อวันที่ 21 พ.ย.
ตร.ตรวจที่เกิดเหตุ
เมื่อนำชื่อ ที่อยู่ ซึ่งลงทะเบียนเข้าพักไปเทียบกับประวัติทะเบียนราษฎร พบว่าคือนายเอ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี เป็นพนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.คลองสี่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
เจ้าหน้าที่แกะรอยจากเบาะแสที่ได้ พบว่าหลังก่อเหตุหลบหนีไปยังจ.ชลบุรี ก่อนย้อนกลับไปกบดานที่จ.ปทุมธานี จึงประสานพล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภาค 2 นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนภาค 2 บุกไปตามจับตัวได้ พร้อมสร้อยข้อมือทองคำน้ำหนัก 3 บาท ที่เหลืออยู่เพียง 4 เส้น เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 25 พ.ย.
คุมโจรโจ๋วัย 17 (สวมเสื้อมีฮู้ด) กลับขอนแก่น
ก่อนคุมตัวขึ้นเฮลิคอปเตอร์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่งดำเนินคดีที่บก.ภ.จว.ขอนแก่น
จากการสอบสวนเบื้องต้นคนร้ายให้การว่าติดหนี้พนันออนไลน์ เลยลองหาซื้อปืนจากในออนไลน์และตัดสินใจไปก่อเหตุ
บทสรุปสุดท้ายด้วยผลพวงจากถูกผีพนันเข้าสิง โจ๋หนุ่มรายนี้ต้องทิ้งช่วงชีวิตในวัยรุ่นไปอย่างน่าเสียดาย เพราะถูกจองจำชดใช้ความผิดตามกฎหมาย
