คอลัมน์ สดจากสนามข่าว
โดย – อารีย์ สีแก้ว เรื่อง/ภาพ
ตามตร.ปิดคดีชิงทอง ลงมืออุกอาจในห้างดัง หนุ่มหล่มสัก-มอบตัว

ผลกระทบสำคัญจากการระบาดของเชื้อร้ายโควิด-19 คือทำให้เศรษฐกิจชะงักงันไปทั่วทั้งโลก ประเทศไทยก็ไม่ได้รับการยกเว้น รายได้ที่หดหายแต่รายจ่ายยังเท่าเดิม หลายรายแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้านการกู้เงินนอกระบบ แต่กลับกลายเป็นการกระโดดลงเหวลึกจนยากจะถอนตัว

หนึ่งทุ่มวันที่ 24 ม.ค. ขณะที่พนักงานร้านทองเยาวราชสินทวี ที่อยู่ภายในห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีสาขาหล่มสัก อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ กำลังเก็บทองเพื่อเตรียมปิดร้าน ปรากฏมีชายผิวดำแดง สูงประมาณ 170 เซนติเมตร ใส่เสื้อแขนสั้นคอปกสีเขียวเข้ม กางเกงยีนส์สีน้ำเงิน สวมรองเท้าผ้าใบสีดำ สวมหน้ากากอนามัยสีดำ

นาทีก่อเหตุ

เดินเข้ามาที่เคาน์เตอร์พร้อมกับชักปืนออกมาจากกระเป๋าที่สะพายมาด้วยซึ่งเป็นปืนสั้นพร้อมทั้งข่มขู่พนักงานสาวให้ส่งทองมาให้และห้ามกดสัญญาณกันขโมย พร้อมทั้งกระโดดขึ้นเคาน์เตอร์คว้าถาดใส่สร้อยทองรูปพรรณไป 23 บาท ก่อนวิ่งหลบหนีออกไปทางประตูหน้า ทั้งยังใช้ปืนยิงขึ้นฟ้า 1 นัดเพื่อเปิดทาง

พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน ผู้บัญชาการตำรวจภาค 6 (ผบช.ภ.6) พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุรวิชญ์ ชัยสิทธิ์ ผกก.สภ.หล่มสัก นำกำลังชุดสืบสวน สายตรวจและกองพิสูจน์หลักฐานลงพื้นที่

ตรวจที่เกิดเหตุ

หนึ่งในพนักงานร้านทองดังกล่าวเปิดเผยว่า ตนเห็นชายที่มีลักษณะคล้าย ผู้ที่มาก่อเหตุมาเดินป้วนเปี้ยนอยู่แถวร้านทองมาหลายวันและหลายครั้งแล้ว โดยจะใส่หน้ากากอนามัยสีดำ แต่การแต่งกายจะเปลี่ยนไป บางครั้งก็ถือถุง บางครั้งก็เป็นเป้สะพาย ตั้งแต่วันที่ 17 ถึง 20 ม.ค.ที่ผ่านมา เวลา 10 โมงเช้าและ 4 โมงเย็น บางวันมาสองรอบวันที่ 20 ม.ค. ตนรู้สึกแปลกใจจึงเดินตามแต่ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่คิดว่าวันนี้จะมาก่อเหตุดังกล่าว

หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ห้างเพื่อหาเบาะแสรูปพรรณสัณฐานของคนร้าย พร้อมเก็บหลักฐานที่คนร้ายทิ้งไว้คือรอยนิ้วมือบริเวณเคาน์เตอร์กระจก

คนร้ายมาดูลาดเลาอยู่หลายครั้งภาพจากกล้องวงจรปิดของห้างจึงสามารถบันทึกภาพใบหน้าเอาไว้ได้ แม้จะมีหน้ากากอนามัยใส่ปิดอยู่ แต่หากเป็นคนที่รู้จักก็สามารถจดจำได้ไม่ยากเย็น

คุมทำแผนฯ

พลันที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเผยแพร่ภาพคนร้ายในโซเชี่ยลเพื่อให้ประชาชนช่วยชี้เบาะแส ก็ได้ข้อมูลว่าคือ นายนพรุจ สุขเสถียร อายุ 40 ปี ชาว ต.นาเกาะ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงระดมกำลังติดตามไปที่บ้านพัก แต่เจ้าตัวหลบหนีไปเสียก่อน จึงเชิญตัวภรรยาและญาติๆ มาสอบสวน และใช้กำลังกดดันในพื้นที่ กระทั่งในช่วงเช้าคนร้ายจึงติดต่อผ่านนายมนัญชัย ตรีสุข กำนันตำบลนาเกาะให้พาเข้ามอบตัว

พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริงและก่อเหตุเพียงคนเดียว โดยได้มาดูลาดเลาและเส้นทางการหลบหนีในช่วงเช้าของวันก่อเหตุ จากนั้นจึงลงมือก่อเหตุในช่วงเย็น โดยได้ขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ สีขาว-แดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนมาจอดในที่จอดรถ จยย.ของห้าง

จากนั้นได้เดินเข้าไปด้านใน ทำทีกดเงินจากตู้เอทีเอ็มที่อยู่หน้าร้านทอง เมื่อสบโอกาสจึงได้เดินเข้าไปและใช้ปืนสั้นไทยประดิษฐ์ ซึ่งคนร้ายได้ทำเอง จี้พนักงาน แต่พนักงานไม่ได้ยิน จึงได้กระโดดขึ้นเคาน์เตอร์พร้อมกระชากทองรูปพรรณไปจำนวนหนึ่ง ซึ่งทราบภายหลังว่าจำนวน 23 บาท จากนั้นได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป

แต่ระหว่างที่วิ่งออกจากห้างประตูปิดอยู่ คนร้ายจึงใช้ด้ามปืนกระแทกอย่างแรงจนประตูเปิด จากนั้นจึงวิ่งไปขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปอยู่กลางทุ่งนา จนกระทั่งทนการกดดันไม่ไหวจึงติดต่อขอเข้ามอบตัวดังกล่าว

มอบตัวพร้อมของกลาง

นายนพรุจ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพถึงแรงจูงใจในการก่อเหตุครั้งนี้ว่า ตนมีอาชีพรับซื้อมะขามหวาน แต่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเกิดโควิด-19 ธุรกิจขาดทุน จึงไปกู้เงินมาเป็นค่าใช้จ่าย จนมีหนี้สินเงินกู้รายวันจำนวนมาก ไม่รู้จะเอาที่ไหนไปใช้จึงตัดสินใจก่อเหตุ โดยได้ไปดูลาดเลาและตัดสินใจก่อเหตุในช่วงค่ำ เนื่องจากเป็นช่วงที่ใกล้เลิกงานและมีคนน้อย

หลังก่อเหตุได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปซ่อนตัวอยู่กลางทุ่งนาหมู่ที่ 2 ต.นาเกาะ อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ และคาดว่าคงจะหนีไม่รอดจึงได้ติดต่อเข้ามอบตัวกับกำนัน ต.นาเกาะ เพื่อให้พาเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

อับจนหนทางจนหลงเดินทางผิด ยังดีที่สำนึกผิดเข้ามอบตัว ได้แต่หวังว่าศาลจะยังปรานี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน