คอลัมน์แฟ้มคดี

เป็นคดีอื้อฉาวส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2561

สำหรับกรณีที่ร็อกเกอร์หนุ่มชื่อดัง เสก โลโซ เจ้าของไลฟ์สไตล์ที่โลดโผนมากสีสัน ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกจับคาบ้านพักย่านวัชรพล เมื่อคืนส่งท้ายปีเก่า

ตามหมายจับคดีอาญาของศาล จ.นครศรีธรรมราช จากการที่ยิงปืนขึ้นฟ้าในวัด 10 นัด

แต่แทนที่ถูกจับปรับไปตามความผิด ซึ่งไม่ถือว่ารุนแรงมากนัก

เรื่องราวกลับลุกลามบานปลาย เมื่อเสกล็อกประตูขังตัวเองอยู่ภายในห้องนอน

พร้อมประกาศมีปืน พร้อมยิงทุกคนที่เข้ามา

จนกระทั่งผบ.ตร. ต้องเข้าไปคุมกำลังด้วยตัวเอง พร้อมหน่วยอรินทราชติดอาวุธครบมือ

ดีที่เรื่องราวยุติลงด้วยการยอมมอบตัว ไม่เช่นนั้นจะเกิดความสูญเสียยังไม่สามารถคาดคิดได้

ที่แน่ๆ เรื่องราวถูกขยายออกไปเมื่อผลตรวจปัสสาวะของเสกออกมาเป็นสีม่วง

ซึ่งมีที่มาจากสารเสพติด ไม่ใช่ยานอนหลับอย่างที่เสกแก้ตัว

จึงต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดว่า ต้นเหตุจากคดียิงปืนขึ้นฟ้า จะมีบทสรุปลงตรงไหน

“เสก”ฉาวอีก-ยิงขึ้นฟ้าในวัด

บ่ายวันที่ 31 ธ.ค. 2560 ซึ่งควรเป็นวันแห่งการเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ แต่ที่บ้านศุขพิมาย ของเสก โลโซ หรือเสกสรรค์ ศุขพิมาย นักร้องดัง กลับไม่ใช่เช่นนั้น เมื่อต้องเผชิญหน้ากับกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสน.คันนายาว และตำรวจชุดสืบบช.น. นำกำลังพร้อมหมายศาล จ.นครศรีธรรมราช เพื่อจับกุมตัวเสก

เนื่องจากเมื่อคืนวันที่ 28 ธ.ค. ต่อรุ่งเช้าวันที่ 29 ธ.ค. ซึ่งเป็นวันตากสิน “เสก” นำคณะไปเล่นคอนเสิร์ตที่วัดเขาขุนพนม อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช ก่อนก่อเหตุยิงปืนขึ้นฟ้านับสิบนัด

แถมยังไลฟ์เฟซบุ๊กโชว์แฟนเพจอีกด้วย

นำมาด้วยการตั้งคำถามว่าเป็นเรื่องเหมาะสมหรือไม่ และแน่นอนการกระทำดังกล่าวถือว่าผิดกฎหมาย อีกทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจยังรณรงค์ทุกช่วงเทศกาลในเรื่องห้ามยิงปืนขึ้นฟ้า

มากรณีนี้จึงถูกจับตาว่านักร้องดังจะถูกดำเนินคดีหรือไม่

แต่ขณะที่สังคมตั้งคำถาม เสกเองก็ยังโพสต์เฟซบุ๊กในลักษณะชี้แจงผสมยั่วยุ จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ต้องไปขออนุมัติหมายจับใน 3 ข้อหา คือ มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดย ไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันสมควร และไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว และยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมนุมชน

หลังจากศาลอนุมัติหมายจับ “เสก” ก็หายตัวไป โดยยกเลิกงานคอนเสิร์ตที่ จ.หนองคาย จนเจ้าของสถานีที่ต้องออกมาเรียกร้องค่าเสียหาย

ในที่สุดเจ้าหน้าที่ตำรวจก็สืบทราบว่าเสกไม่ได้ไปไหนไกล แต่กบดานอยู่กับบ้านพักในกทม.

นำมาซึ่งการนำกำลังเข้าจับกุม

บุกจับระทึก-กำปืนขึ้นลำ

อย่างไรก็ตาม การเข้าจับกุมก็ไม่ได้สะดวกโยธิน เมื่อเสกประกาศไม่ให้ตำรวจเข้าบ้าน หากไม่มีหมายค้น จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจนำหมายจับจากศาล จ.นครศรีธรรมราช และหมายค้นจากศาล จ.มีนบุรี มาแสดง แต่เสกก็ยังไม่ยินยอม จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ต้องปีนรั้วบ้านเข้าไป

ขณะตรวจค้น เสกยังไลฟ์เฟซบุ๊ก โดยเก็บตัวอยู่ในห้องนอน พร้อมพูดคุยกับพี่อู๊ด พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รองผบช.น. ที่อ้างว่าสนิทกันมาสิบกว่าปี เพื่อขอให้นำกำลังกลับไป และจะเข้ามอบตัวเอง เมื่อจัดการธุระทุกอย่างเสร็จสิ้น

แต่เมื่อไม่สามารถเจรจาได้ เสกก็ลั่นทันทีว่า “ผมมีปืน อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ใครไขประตูเข้ามาจะยิงตรงนี้” ก่อนสัญญาณจะถูกตัดไป

นำมาซึ่งการนำกำลังอรินทราช พร้อมอาวุธครบมือบุกเข้าจู่โจม โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผช.ผบ.ตร. และ พล.ต.ท. ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น. เข้าคุมสถานการณ์ด้วยตัวเอง

เมื่อวางกำลังพร้อมจึงเข้าปฏิบัติการ โดยหน่วยอรินทราช พร้อมอาวุธครบมือ เรียงแถวขึ้นบันได ชั้นสอง ใช้ค้อนปอนด์ที่เตรียมมาทุบประตูและสิ่งกีดขวางเข้าไป

เข้าไปถึงก็เจอเสก ถือปืนรออยู่ขึ้นลำเตรียมยิง ภายในห้องมีน.ส.อภิสร์ญา พัฒนวรทรัพย์ หรือ อีฟ แม็กซิม แฟนสาว อยู่ด้วย จึงเจรจาให้วางอาวุธ เมื่อเสกยอมวางอาวุธ จึงเข้าใส่กุญแจมือคุมตัวไปสอบสวนที่บช.น.ทันที

ก่อนคุมตัวไปควบคุมตัวที่สน.คันนายาว พร้อมแจ้งข้อหาต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน และมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเพิ่มจากคดีที่ จ.นครศรีธรรมราช

โดยเสกให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่เฝ้าติดตามทำข่าวว่า ฝากขอโทษประชาชนทุกคนด้วย ส่วนที่ยิงปืนในวัดที่ จ.นครศรีธรรมราช เนื่องจากเคยบ่นไว้ก่อนหน้านี้ เมื่อได้ลูกชาย ก็เลยไปแก้บน

จากนั้นจึงนำตัวไปฝากขังที่ศาล จ.มีนบุรี พร้อมคัดค้านประกันตัว อย่างไรก็ตาม ศาลมีนบุรีให้ประกันตัว ตีราคา 1.5 แสนบาท

ก่อนที่ตำรวจสภ.พรหมคีรี จะมาอายัดตัวไปดำเนินคดีต่อ โดยศาล จ.นครศรีธรรมราช ให้ประกันตัว ในหลักทรัพย์ 1.5 แสนบาทเช่นกัน

ฉี่ม่วง-พบสารเสพติดอื้อ

นอกจากคดีเกี่ยวกับอาวุธปืน เสกก็จ่อจะถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับยาเสพติด เมื่อผลการตรวจปัสสาวะเบื้องต้นออกมาว่าเป็นสีม่วง

โดยพล.ต.ท.ชาญเทพ เผยผลการตรวจหาสารเสพติด ว่า สถาบันนิติเวช รายงานผลตรวจปัสสาวะพบว่ามีสารเมทแอมเฟตามีน ซึ่งอยู่ในกลุ่มยาเสพติดประเภทยาไอซ์ หรือยาบ้า และสารเอ็มดีเอ็มเอที่อยู่กลุ่มประเภทยาอี

ยืนยันจากแพทย์ว่า พบสารเสพติดในตัวของเสก แต่ไม่ได้ระบุระยะเวลาว่าเสพมานานเท่าใด ขั้นตอนต่อไปสน.คันนายาว จะแจ้งข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 โดยผิดกฎหมายเพิ่มเติม

ขณะที่เสก ให้การว่าสาเหตุที่ปัสสาวะเป็นสีม่วง เนื่องจากรับประทานยานอนหลับเข้าไป

พ.ต.อ.สิงห์ สิงห์เดช ผกก.สน.คันนายาว ระบุถึงการดำเนินคดีว่า นัดหมายให้เสกเข้าพบพนักงานสอบสวนที่สน. คันนายาว ในวันที่ 12 ม.ค. เวลา 13.00 น.

ทั้งนี้ รายงานแจ้งว่า สำหรับข้อหาเสพยาเสพติด ตามพ.ร.บ.ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด ผู้เสพถือเป็นผู้ป่วย ตามนโยบายต้องไปรักษาและบำบัด แต่กรณีของเสก เคยเข้ารับบำบัดมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อปี 2554 อีกทั้งมีการกระทำความผิดพร้อมกับข้อหาอื่น รวมถึงมีคดีทำร้ายร่างกาย ซึ่งอยู่ระหว่างรอลงอาญา จึงไม่เข้าหลักเกณฑ์เข้ารับการบำบัด ไม่เข้าข่ายละเว้นโทษ

พร้อมกันนั้นต้องสืบสวนขยายผลไปอีกว่า ยาเสพติดที่อยู่ในร่างกายของเสกนั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร ใครเป็นคนขาย ส่วนมีดารานักร้องคนไหนเข้าข่ายพัวพันด้วยหรือไม่ หากหลักฐานเชื่อมโยงถึงก็ต้องดำเนินคดีโดยทั่วหน้า

ไม่มีละเว้นใครทั้งสิ้น

1.คุมตัวที่สน. / 2.เดินสายทำบุญ / 3.-4.เด้งรูดพิษรูปคู่

ลามต่อ-เด้งตร.ถ่ายรูปคู่

และยังไม่จบเพียงแค่นี้ เมื่อหลังจากจับกุมดำเนินคดี ดันมีรูปเสกถ่ายรูปร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างสนิทสนม มีทั้งพ.ต.อ.สิงห์ ผกก.สน.คันนายาว ที่นำกำลังจับกุม พล.ต.ต.ประสพโชค พร้อมมูล อดีตผบก. ปทส. และนายเกียรติคุณ ทักษิณนุกูลวงศ์ ผู้บริหาร แกรมมี่

ขณะที่พ.ต.อ.สิงห์ชี้แจงว่า ภาพดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเช้าวันที่ 1 ม.ค. 2561 ที่ห้องสืบสวนสน.คันยายาว โดยพล.ต.ต.ประสพโชค และนายเกียรติคุณ มาขอเยี่ยมเสก ซึ่งเป็นสิทธิตามกฎหมาย จึงอนุญาตให้เยี่ยม โดยในการสนทนา ผู้ใหญ่ทั้งสองก็อบรมให้เสกกลับตัวเป็นคนดีเนื่องในวันปีใหม่

อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.เอกชัย บุญวิสุทธิ์ ผบก.น.2 ก็มีคำสั่งให้ พ.ต.อ.สิงห์ ไปปฏิบัติราชการที่ศปก.บก.น.2 เนื่องจากผิดวินัย ขัดคำสั่งผบ.ตร. ที่ห้ามถ่ายรูปหรือภาพเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมอยู่กับผู้ต้องหา ซึ่งอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

และยังมีกรณีที่เสกโพสต์ภาพกำลังนั่งดื่มกินกับพ.ต.อ.รังสรรค์ สุขเกื้อ ผกก.สส.ภ.จว.นครศรีธรรมราช และ พ.ต.ท.ธีระพล พุ่มชัย สวป.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช จนถูกตั้งกรรมการสอบ ขณะที่ พ.ต.อ.รังสรรค์ ระบุว่า เป็นเหตุบังเอิญที่พบเจอกันในร้านอาหาร จึงนั่งพูดคุยกันเรื่องจัดคอนเสิร์ตเท่านั้น

สุดท้าย พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ก็สั่งตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง พร้อมมีคำสั่งย้ายนายตำรวจทั้งคู่มาประจำที่ศปก.บก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

เป็นผลกระทบต่อเนื่องที่รุนแรงอย่างยิ่ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน