สดจากสนามข่าว

กฤษดา เอกวานิช สิทธิพงษ์ เจริญใจ เรื่อง/ภาพ

 

“การที่คนขับรถสาธารณะทิ้งผู้โดยสารกลางทาง ถือว่ามีความผิดตามพ.ร.บ. ขนส่ง เพราะรถโดยสารสาธารณะจะต้องส่งผู้โดยสารถึงปลายทางทุกคนอย่างปลอดภัย”

นายวรกิตติ ไชยชนะ หัวหน้าสำนักงานขนส่งจังหวัดสุราษฎร์ธานี สาขาเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ยืนยันถึง พันธกิจที่ผูกมัดโชเฟอร์รถโดยสารสาธารณะไว้ นอกจากต้องมี “เซอร์วิสมายด์” หรือจิตใจรักในงานด้านบริการ

สาเหตุที่หัวหน้าขนส่งเกาะสมุยต้องออกมาย้ำเตือนเรื่องดังกล่าว เพราะเพิ่งเกิดเรื่องรถทัวร์ของบริษัท ขนส่ง จำกัด หรือ บขส. ทิ้งผู้โดยสารกลางทางจนเป็นข่าวโด่งดังใหญ่โต

เหตุการณ์ทิ้งผู้โดยสารกลางทางครั้งนี้เกิดขึ้นในค่ำวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา เมื่อรถโดยสารปรับอากาศ 999 เส้นทางกรุงเทพฯ-เกาะสมุย ปล่อยทิ้งครอบครัวพ่อแม่ลูก 4 ชีวิต ไว้ที่ปั๊มน้ำมันในพื้นที่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี

หลังระหกระเหินเดินทางมาจนถึงเกาะสมุยได้ในค่ำอีกวันถัดมา นายวรกิตติ และ น.ส.พรพิมล กลิ่นหอม นายสถานีเดินรถสุราษฎร์ธานี ก็เชิญนายมงคล ทองโบราณ น.ส.ปภิสรา คำอยู่ สามีภรรยาที่ถูกลอยแพกลางทาง มาสอบถามข้อเท็จจริงที่สถานีขนส่งผู้โดยสารอำเภอเกาะสมุย

ค้นรถทัวร์ที่จอดทิ้งไว้

นายมงคลและน.ส.ปภิสราช่วยกันเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า วันเกิดเหตุพากัน เดินทางไปยังเกาะสมุยเพื่อหางานทำ

แต่ลูกชายคนเล็กเพิ่งเดินทางไกลเป็น ครั้งแรกทำให้ร้องไห้เสียงดังนานประมาณ 30 นาที

ต่อมาพนักงานบริการได้มาบอกว่า เด็กส่งเสียงร้องรบกวน ผู้โดยสารและพนักงานขับรถคนที่สองที่กำลังนอนพักผ่อน เพื่อรอเปลี่ยนกะระหว่างทาง จึงบอกให้ครอบครัวทั้งหมดลงจากรถ โดยจะไปจอดในจุดที่สะดวก มีที่พัก และมีรถโดยสาร

แต่กลับไปจอดให้ลงในปั๊มน้ำมันใหญ่แห่งหนึ่ง ภายในปั๊มดังกล่าวมีบริการห้องพักจึงไปติดต่อขอเข้าพักในราคาคืนละ 500 บาท โดยทั้งคู่มีเงินติดตัวเพียง 600 บาทเท่านั้น

เมื่อจ่ายค่าห้องพักและซื้ออาหารให้ลูก รับประทานจึงเหลือเงินเพียง 25 บาทเท่านั้น จึงโทรศัพท์ติดต่อญาติที่เกาะสมุยให้โอนเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปยังเกาะสมุย นับว่าเป็นคืนที่โหดร้ายมาก

นายมงคลกล่าวว่า รุ่งเช้าวันที่ 8 ม.ค.จึงพาลูกและภรรยาขึ้นรถไฟที่สถานีชะอำ จ.เพชรบุรี ลงที่สถานีพุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ก่อนจะมีญาติมารับลงเรือเฟอร์รี่ถึงเกาะสมุยเมื่อเวลา 21.00 น.วันเดียวกัน

อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลเรื่องนี้ เพราะยังมีอีกหลายครอบครัวที่เดินทางพร้อมกับเด็กตัวเล็กๆ เช่นเดียวกับครอบครัวตนเองเหมือนกัน

เพียงวันเดียวหลังทราบข่าว กรมการขนส่งฯ สั่งปรับพนักงานขับรถเป็นเงิน 5,000 บาท รวมทั้งสั่งพักใบอนุญาตขับรถเป็นเวลา 30 วัน พร้อมนำ เข้ารับการอบรมในเรื่องของการให้บริการ ทั้งคนขับรถและบริกรบนรถ

นอกจากนี้ ยังปรับ บขส.เป็นเงิน 20,000 บาท พร้อมกับ ถูกสั่งพักใช้รถเป็นระยะเวลา 15 วัน

วันที่ 9 ม.ค. ก็เกิดเรื่องทิ้งผู้โดยสารอีก แต่คราวนี้ถึงกับยกคัน เลยทีเดียว

ของเถื่อนซุกไว้เต็มคัน / ผู้โดยสารถูกลอยแพเต็มวัดที่ระนอง

เมื่อ ร.ต.ท.นพคุณ อินทร์ช่วย รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองระนอง รับแจ้งว่า รถบัสโดยสารไม่ประจำทางเช่าเหมาคัน ทิ้งผู้โดยสารจำนวนมากไว้ที่วัดสุวรรณคีรีวิหาร หรือวัดหน้าเมือง ต.เขานิเวศน์

จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบกลุ่มผู้เสียหายที่ศาลาการเปรียญ 3 วัดสุวรรณคีรีวิหาร 47 คน โดยทั้งหมดเป็นชาว ต.ไทรโสภา อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี มาร่วมงานสวดพระอภิธรรมที่วัดดังกล่าว

สอบสวนทราบว่า หลังปล่อยผู้โดยสารลงที่วัดแล้วก็รีบขับรถออกไปทันที แต่หลังจากร่วมงานสวดศพและรับประทานอาหารเสร็จยังไม่เห็นวนกลับมารับ พยายามโทรศัพท์หาแต่ติดต่อไม่ได้

ต่อมาตำรวจสายตรวจพบรถทัวร์คันดังกล่าวจอดทิ้งไว้ที่ปั๊มน้ำมันริมถนนเพชรเกษม ห่างจากวัดที่เกิดเหตุไม่ไกล โดยไม่พบตัวคนขับ

ในช่องเก็บสัมภาระใต้ท้องรถมีกระสอบสินค้าหนีภาษีเกือบ 20 กระสอบ ส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าอุปโภคบริโภค ประเภทอาหารแห้ง อาหารสำเร็จรูป นำเข้ามาจาก จ.เกาะสอง ประเทศเมียนมา

นายมงคล ทองโบราณ ผู้เสียหาย / รถคันที่ก่อเหตุ (คันซ้าย)

คาดคนขับอาศัยช่วงหลังส่งผู้โดยสารทั้งหมดลงที่วัดไปรับสินค้าหนีภาษีมา เพื่อส่งต่อให้ผู้รับปลายทาง แต่ไหวตัวทันว่าเจ้าหน้าที่รู้แกวจึงทิ้งรถหลบหนีไป เจ้าหน้าที่จึงอายัดรถและสินค้าหนีภาษีทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองระนอง

เพื่อคุมตัวโชเฟอร์และบริษัททัวร์ต้นสังกัดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอาญา และพ.ร.บ.ขนส่งฯ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน