แฟ้มคดี

ถือเป็นคดีที่สร้างความตื่นตะลึงให้กับสังคม

สำหรับเหตุคนร้ายต่างชาติอุกอาจขับรถไล่ล่าระทึกขวัญเหมือนในภาพยนตร์กลางเมืองเกาะสมุย

ก่อนจะพุ่งชนจยย.เป้าหมาย ที่เป็นชาวต่างชาติด้วยกัน แล้วลงไปใช้มีดไล่แทงกระหน่ำจนบาดเจ็บสาหัส เสียชีวิตในเวลาต่อมา

แถมยังหลบหนีออกจากเกาะได้สำเร็จ

วางแผนไปขึ้นเครื่องบินมายังสนามบินดอนเมือง เพื่อต่อเครื่องไปยังฟิลิปปินส์ หวังหนีให้พ้นเงื้อมมือกฎหมายไทย

ดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ ติดตามประสานข้อมูลกันอย่างใกล้ชิด

ในที่สุดก็สามารถจับกุมได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว ขณะลงเครื่องบินที่ดอนเมือง

เมื่อสอบสวนก็ได้ความจริงที่น่าตกตะลึง ว่าเป็นความขัดแย้งระหว่างมาเฟียอิสราเอล

มีการตามไล่ฆ่าไล่ล้างแค้นกันมายาวนาน เป็นเหตุให้ทุกฝ่ายระมัดระวังตัว ไม่สามารถก่อเหตุได้

จนกระทั่งมีข่าวว่าคู่อริมาท่องเที่ยวในประเทศไทย จึงวางแผนมาดักรอลงมือ

แต่สุดท้ายก็หนีไม่รอดมือตำรวจไทย ถูกจับกุมดำเนินคดีทันที

ซิ่งเก๋งชน-แทงซ้ำคาสมุย

เหตุระทึกครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายแก่ๆ วันที่ 21 ม.ค. โดยศูนย์วิทยุสื่อสาร สภ.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี รับแจ้งเหตุนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2 คน ที่เป็นคู่รักกัน ถูกรถเก๋งไล่ชนและทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธมีดกระหน่ำแทง และถอยรถหวังเหยียบซ้ำ

เหตุเกิดที่ถนนสายหาดเฉวง-บ้านเชิงมนต์ หน้าโรงพยาบาลสมุยอินเตอร์เนชั่นแนล ม.2 ต.บ่อผุด จึงรุดไปตรวจสอบ พบรถจยย.ฮอนด้า คลิก สีดำ ป้ายแดง สภาพพังเสียหายจากการถูกชน ริมฟุตปาธพบกองเลือดจำนวนมาก ขณะที่ผู้บาดเจ็บทั้งสอง ถูกนำส่งโรงพยาบาลสมุยอินเตอร์เนชั่นแนล

โดยผู้บาดเจ็บชายทราบชื่อว่า นายมาออ มาลิล อายุ 34 ปี ซึ่งบาดเจ็บสาหัส เสียเลือดมาก แพทย์ไม่สามารถยื้อไว้ได้ เสียชีวิตในเวลาต่อมา ฝ่ายหญิงคือน.ส.ราเชล โอซาน่า อายุ 31 ปี ทั้งคู่สัญชาติอิสราเอล สภาพบาดเจ็บสาหัส แต่พ้นขีดอันตรายแล้ว

ซึ่งหลังจากการตรวจสอบพบว่าถนนเส้นดังกล่าวมีกล้องวงจรปิด เมื่อเปิดดูเหตุการณ์ก็พบว่าก่อนเกิดเหตุ มีชายหนุ่ม- หญิงสาว ที่เป็นคู่รักชาวต่างชาติ ขี่จยย.มาด้วยกัน จากนั้นก็มีรถเก๋งซีอาร์วี สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน กฉ-1707 อุตรดิตถ์ พุ่งชนทั้งคู่ จนรถล้ม ทั้งคู่กระเด็นมานอนกลางถนน ขณะที่ฝ่ายชายรีบลุกขึ้นมาดึงแฟนสาวเข้าข้างทาง

จากนั้นชายชุดดำที่นั่งข้างคนขับ เปิดประตูลงมาจากรถ วิ่งไล่ทำร้ายโดยใช้มีดที่เตรียมมากระหน่ำแทงไปที่ร่างของนาย มาออ หลายครั้ง ก่อนขึ้นรถหลบหนีไปทางถนนเลียบหาด

หลังเช็กวงจรปิดเรียบร้อยเจ้าหน้าที่ก็ปูพรมค้นหา ในที่สุดก็พบรถเก๋งคันดังกล่าวถูกจอดทิ้งไว้ที่ปากทางเข้าหมู่บ้านมั่นคง ม.2 ต.บ่อผุด ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 3 กิโลเมตร จากการตรวจสอบรถเก๋งพบด้านหน้าและด้านหลังมีรอยเฉี่ยวชน มีคราบเลือดติดอยู่ที่ตัวรถ

ส่วนคนร้ายชุดดำทั้ง 2 วิ่งหลบหนีเข้าไปในป่าด้านหลังวิทยาลัยนานาชาติการท่องเที่ยวเกาะสมุย มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี เจ้าหน้าที่จึงกระจายกำลังออกไล่ล่า พร้อมนำภาพถ่ายผู้ต้องสงสัย ซึ่งคาดว่าเป็นแก๊งมาเฟียอิสราเอลบนเกาะสมุย ออกแจกจ่ายตามท่าเทียบเรือทุกแห่ง และป่าละเมาะที่คาดว่าคนร้ายหลบซ่อนตัวอยู่

พร้อมกันนั้นทหารกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองทัพภาค 4 ประจำเกาะสมุย ใช้อำนาจตามมาตรา 44 บุกค้นห้องพักในอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในพื้นที่ ม.2 ต.บ่อผุด ซึ่งคาดว่าเป็นจุดที่ผู้ต้องสงสัยทั้งสองมาพัก

แต่ทั้งคู่เก็บเสื้อผ้าออกจากห้องพักไปก่อนแล้ว

คาดว่าหลบหนีออกจากเกาะสมุย มุ่งหน้าไปยัง จ.สุราษฎร์ธานี เรียบร้อย

 

ตร.ลุยคลี่-ล็อกตัวได้ทันที

อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ยังคงติดตามอย่างไม่ลดละ ในที่สุดก็พบร่องรอย เมื่อมีรายงานว่าพบผู้ต้องสงสัยทั้งสอง นั่งสปีดโบ๊ตออกจากเกาะ แล้วนั่งรถต่อไปเพื่อขึ้นเครื่องบินจากท่าอากาศยานนานาชาติสุราษฎร์ธานี ของสายการบินไลอ้อนแอร์ เที่ยวบินที่ เอสแอล 747 ที่นั่ง 2 อี และ 2 เอฟ ออกเดินทางเวลา 20.30 น. ถึงท่าอากาศยานดอนเมืองเวลา 21.30 น.

จึงประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตม.จับตาดู ในที่สุดก็หนีไม่พ้น

โดยเมื่อเวลา 22.30 น.ของวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมตัว นายอียาล บรุเคล อายุ 25 ปี และนายโดเลฟ ซูอาเรซ อายุ 23 ปี ชาวอิสราเอลไว้ได้ ตรวจสอบร่างกายนายโดเลฟ พบร่องรอยถลอกตามข้อมือและร่างกาย นิ้วชี้ข้างขวาพบรอยแผลใหม่จากการถูกของมีคมบาด

จึงคุมตัวมาสอบสวนที่สน.ท่องเที่ยว ภายในสนามบินดอนเมือง โดยมีพล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผบ.ตร. และพล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบช.ทท.สอบปากคำด้วยตัวเอง โดยเบื้องต้นทั้งคู่ยังให้การปฏิเสธไม่รู้เห็นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวขึ้นเครื่องไปสอบสวนต่อที่ สภ.บ่อผุด

พร้อมกันนั้นตรวจสอบพบกระเป๋าเป้สะพายสีดำ ตกอยู่ภายในรั้วของวิทยาลัยนานาชาติการท่องเที่ยวเกาะสมุย มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ภายในมีหมวกแก๊ปและอาวุธมีด คาดเป็นของที่คนร้ายทิ้งไว้ขณะหลบหนี

ตรวจสอบพบมีดทำครัว 3 เล่ม มีคราบเลือดติดอยู่ 1 เล่ม มีดพลาสติก 1 เล่ม เสื้อยืดคอกลมสีเทา 1 ตัว หมวกแก๊ป 1 ใบ กางเกงในผู้ชาย 4 ตัว ถุงเท้า 1 คู่ รองเท้าผ้าใบชาย 1 คู่ นาฬิกา 1 เรือน น้ำมันบรรจุในขวดน้ำดื่ม 1 ขวด กุญแจห้องพักและคีย์การ์ด บัตรสมาชิกสายการบิน

จึงนำไปตรวจหาดีเอ็นเอเพื่อมัดตัวคนร้าย

พร้อมแยกผู้ต้องหาทั้งสองสอบเครียด ครั้งแรกยังไม่ยอมรับว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุ เพียงแต่ยอมรับว่าอยู่ในเหตุการณ์เท่านั้น

แต่เมื่อเค้นสอบหนักเข้า ประกอบกับพยานหลักฐานยืนยัน ทั้งมีดที่ใช้ก่อเหตุ และกล้องวงจรปิด คนร้ายก็ยอมรับสารภาพ

ว่าเป็นผู้ลงมือโหดครั้งนี้โดยมีสาเหตุจากความขัดแย้งของกลุ่มมาเฟีย

ถึงขั้นขึ้นเครื่องบินมารอลงมือที่ไทย

1.อาวุธมีด / 2.วงจรปิดนาทีชน / 3.จับที่ดอนเมือง / 4.ตรวจรถ

แฉปมหักมาเฟีย-ดักลงมือไทย

ทั้งนี้การสอบสวนทั้งคู่ยอมรับสารภาพว่าปมความขัดแย้งระหว่างแก๊งโอมรี่ ซาเร็ต กับแก๊งบรัส บรุเคล ที่เมืองนันทานยา ประเทศอิสราเอล โดยนายมาออเป็นสมาชิกแก๊งมาเฟียโอมรี่ ซาเร็ต ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์จักรยานยนต์บอมบ์ และคาร์บอมบ์ ที่เมืองนันทานยา

จนกระทั่งเมื่อ 3 ปีก่อน นายเอวี พี่ชายนายมาออ ถูกยิงเสียชีวิตที่หน้าบ้านพักที่อิสราเอล ทำให้นายมาออเจ็บแค้นเชื่อว่าเป็นการลงมือของแก๊งบรัส บรุเคล จึงก่อเหตุเมื่อปี 2558 พยายามที่จะฆ่านายโดเลฟ และนายบรัส บรุเคล หัวหน้าแก๊ง ด้วยการขับรถชนจักรยานยนต์ให้ล้ม แล้วใช้ปืนยิงซ้ำ

แต่กระสุนไปถูกขานายบรัสบาดเจ็บ จากนั้นนายมาออ ถูกจับกุมเมื่อเดือนส.ค.2558 ถูกดำเนินคดีข้อหาพยายามฆ่า และถูกศาลสั่งจำคุก 20 เดือน และได้รับการปล่อยตัวออกมาเมื่อ 6 เดือนก่อน

จากนั้นแก๊งของนายบรัสสืบทราบว่านายมาออ พร้อมแฟนสาว และเพื่อนรวม 6 คน วางแผนจะมาเที่ยวเกาะสมุย ประเทศไทย ในวันที่ 14 ม.ค. จึงเข้ามาดักรอเมื่อวันที่ 11 ม.ค.

โดยส่งนายโดเลฟ และนายอียาล ซึ่งเป็นน้องชายนายบรัส หัวหน้าแก๊งมาลงมือด้วยตัวเอง

พร้อมวางแผนลงมือในวันที่ 21 ม.ค. โดยทั้งคู่ขี่จยย.มาจากที่พักตั้งแต่เช้า เปลี่ยนมาขับรถเก๋งซีอาร์วี ที่สามแยกถนนลงหาดเฉวง หลังโรงพยาบาลไทยอินเตอร์เนชั่นแนล แล้วไปดักรอนายมาออที่หน้าโรงแรมอนันตรา ลาวาน่า ที่นายมาออพักอาศัยอยู่

ต่อมาเวลา 14.00 น. นายมาออ พร้อมแฟนและเพื่อน ขี่จยย.ออกมา 3 คัน นายอียาลขับเก๋งตามและพุ่งชนท้ายจนจยย.ของนายมาออ กระเด็นล้มลง แล้วถอยหลังมาชนซ้ำ จากนั้นนายโดเลฟ เปิดประตูลงมาใช้มีดแทงนายมาออบาดเจ็บไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล

หลังก่อเหตุทั้งคู่ขับรถหนีมาที่หาดเฉวง แต่รถเกิดเสียที่ ปากซอยหมู่บ้านมั่นคง จึงทิ้งรถวิ่งเข้าไปในซอยหมู่บ้านมั่นคง แล้วโยนกระเป๋าใส่มีดเข้าไปในรั้ววิทยาลัย ก่อนขึ้นเรือที่ท่าเรือ ซีทรานเฟอร์รี่ แล้วไปยังสนามบินสุราษฎร์ธานี ซื้อตั๋วเครื่องบินไปดอนเมือง เพื่อหวังจะหลบหนีต่อไปยังฟิลิปปินส์

แต่สุดท้ายไม่รอดฝีมือตำรวจไทย ที่แสดงให้มาเฟียต่างชาติเห็นว่าไม่ใช่จะเข้ามาก่อเหตุแล้วหลบหนีไปได้อย่างง่ายดาย

สร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้มากขึ้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน