หากตรวจสอบผ่านพาดหัวและการนำเสนอข่าวของหนังสือพิมพ์อันถือได้ว่าเป็นสื่อกระแสหลักของสังคมก็จะต้องยอมรับว่ามี 2 เรื่องที่อยู่ในความสนใจ

1 คือ เรื่อง “นาฬิกา” หรู

และ 1 คือ เรื่องอันสัมพันธ์กับโรดแม็ปของ “การเลือกตั้ง”

ยิ่งหากติดตามดูขบวนพาเหรดล้อการเมืองประสานเข้ากับการแปรอักษรบนอัฒจันทร์ไม่ว่าจะซีกเหลืองแดง ไม่ว่าจะซีกชมพู ของฟุตบอลประเพณี

ก็ยิ่งจะประจักษ์ในความร้อนแรงของ 2 เรื่องข้างต้น

นั่นก็คือ ได้กลายเป็น “กระแส” และเป็นเรื่องที่เรียกได้ว่าเป็น “ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์” ของบ้านเมืองไปแล้วโดยบริบูรณ์

ใครเป็น “โจทก์” ใครเป็น “จำเลย”

แน่นอน เรื่อง “นาฬิกา” หรูปรากฏจำเลยอย่างเด่นชัดตั้งแต่ยกแขนขึ้นบังแดดหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม มาแล้ว

นั่นก็คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

ขณะที่เรื่องอันเกี่ยวกับโรดแม็ปของ “การเลือกตั้ง” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รับไปเต็มๆ ในฐานะที่เป็นหัวหน้าคสช.และหัวหน้ารัฐบาล คือ นายกรัฐมนตรี

เหมือนกับเป็นคนละเรื่อง เป็นคนละประเภท

แต่ด้วยความสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ทำให้เรื่องของ “นาฬิกา” กับเรื่อง “เลือกตั้ง”

ดำเนินไปในลักษณะ “คนละเรื่อง” เดียวกัน

ถามว่าทั้งเรื่องของ “นาฬิกา” ทั้งเรื่องของโรดแม็ป “เลือกตั้ง” เป็นการเสกสรรปั้นแต่งขึ้นโดยบรรดาปรปักษ์ในทางการเมืองหรือไม่

เหมือนกับจะเป็นไปเช่นนั้น

แต่เอาเข้าจริงๆ ล้วนเป็นเรื่องที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ทำขึ้นเอง และล้วนเป็นเรื่องที่สัมพันธ์กับท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทั้งสิ้น

คนอื่นๆ ก็ได้แต่เฝ้ามองในฐานะผู้สังเกตการณ์

คนที่ยืมนาฬิกาเพื่อนก็เป็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ คนที่เลื่อนแล้วเลื่อนอีกโรดแม็ปการเลือกตั้งก็เป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ไม่มีใครสามารถทำแทนได้อย่างเด็ดขาด

ที่นิสิตนักศึกษานำเอาภาพของ “นนทุก” มาเป็นหุ่นสำคัญหุ่นหนึ่งในการล้อเลียนทางการเมืองระหว่างแข่งขันฟุตบอลประเพณีนั้น

ถือได้ว่ามีความเข้าใจใน “สถานการณ์”

เพราะที่ “นนทุก” ต้องมีอันเป็นไปมิใช่จากใคร หากแต่จาก “นิ้ว” ของตนเอง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน