คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
รุก กลางกระดาน
ยืนยันหนักแน่นชัดเจนจากผู้หลักผู้ใหญ่ในรัฐบาล ว่าจะเดินหน้าสู่โรดแม็ปเลือกตั้งตามที่เคยให้สัญญากับประชาชน และนานาประเทศ
คือจัดการเลือกตั้งภายในปี 2560 และมีรัฐบาลพลเรือนที่ผ่านวิถีทางประชาธิปไตย
แม้จะกังวลอยู่บ้างเกี่ยวกับกติกาบางอย่าง ทั้งที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ และกฎหมายลูก ที่กรธ.กำลังร่าง ว่าอาจวางเงื่อนไขบางอย่าง ที่เสียงของประชาชนแสดงออกไม่ได้อย่างเต็มที่
กระนั้นก็ยังดีกว่ารัฐบาลทหาร
และหวังว่าหลังมีรัฐบาลจากการเลือกตั้งสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่น่าจะดีขึ้นกว่าปัจจุบันไม่มากก็น้อย
แต่แล้วความสบายใจดังกล่าว ก็ดูจะเลือนหายไป เมื่อนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ.กล่าวถึงการจัดทำร่างพ.ร.บ. ยุทธศาสตร์ชาติ ที่กำหนดอนาคตประเทศในอีก 20 ปีข้างหน้า
ที่ระบุว่าหากรัฐบาลต่อจากนี้ไม่ปฏิบัติตาม ย่อมเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ
เพราะเท่ากับเป็นการมัดมือรัฐบาลที่จะเข้ามาบริหารประเทศ ให้ดำเนินไปในทิศทางที่กรธ. และรัฐบาลคสช.ต้องการ
ทั้งที่ผ่านมา 2 ปี ย่อมแสดงออกชัดเจนแล้วว่า วิสัยทัศน์ และประสิทธิภาพของรัฐบาลชุดนี้มีขีดความสามารถแค่ไหน
ปัญหาของประเทศได้รับการแก้ไขไปเท่าใดแล้ว ประชาชนย่อมรู้อยู่
แต่กลับจะวางแผนให้ประเทศในระยะยาว 20 ปี !??
ที่สำคัญในโลกยุคสมัยใหม่ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ และเทคโนโลยี หากปรับตัวไม่ทันท่วงที ก็จะตกยุคตกสมัยไปได้ง่ายๆ
ยิ่งเป็นการดำเนินการของผู้ใหญ่ ที่แต่ละคนก็อายุเข้าใกล้วันเกษียณเข้าไปทุกขณะ เรียกว่าหากดำเนินไปจนใกล้จบแผน คนที่เขียนยุทธศาสตร์ อาจไม่ได้อยู่ดู สักคนเลยก็เป็นได้
จะเหมาะสมกับโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้ขนาดไหน
ดังนั้นหากปล่อยให้รัฐบาลและประชาชนรุ่นต่อรุ่น ได้วางแผนและดำเนินการไปตามความเหมาะสมของยุคสมัยที่จะเกิดขึ้น
ย่อมน่าจะเป็นผลดีมากกว่าแน่นอน