ทิ้งหมัดเข้ามุม

รุก กลางกระดาน

เป็นกิจกรรมที่น่าสนับสนุน สำหรับกรณีที่กลุ่มศิลปินอิสระรวมตัวกันวาดภาพเหมือนปู่คออี้ ผู้นำจิตวิญญาณของชาวกะเหรี่ยงแก่งกระจาน

เพื่อนำไปจัดแสดงที่หอศิลป์กรุงเทพฯระหว่างวันที่ 7-16 ต.ค.ที่จะถึงนี้ โดยมีจุดประสงค์เพื่อแสดงถึงวิถีชีวิต การต่อสู้ของชาวกะเหรี่ยง ที่พยายามอย่างยิ่งที่จะกลับไปอยู่บ้านเกิดเดิมของตัวเองให้ได้

และให้กำลังใจกลุ่มคนกะเหรี่ยงที่ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติบุกเผาบ้านและยุ้งฉางจนวอดวายเมื่อปี 2554

นำมาซึ่งการฟ้องศาลปกครองเพื่อปกป้องสิทธิของตัวเอง

และแม้ว่าศาลจะตัดสินออกมาแล้วว่าเจ้าหน้าที่ทำถูกต้องเหมาะสม แต่ปู่คออี้ และชาวกะเหรี่ยงบางกลอย ก็ยังยืนยัน จะยื่นอุทธรณ์ต่อสู้คดีต่อไป

โดยปู่คออี้ยืนยันว่าลืมตามาดูโลก จำความได้ก็อยู่ที่บ้านบางกลอยบน

น้ำนมหยดแรกที่กินก็กินที่นั่น และอยากกลับบ้าน ไม่ว่าจะต้องเดิน หรือคลานก็จะไปให้ถึง

น่าสะเทือนใจเป็นยิ่งนัก

ทั้งนี้ ปัญหาของกะเหรี่ยงบ้านบางกลอยมีปฐมเหตุเริ่มจากการประกาศเขตอุทยาน แห่งชาติแก่งกระจานเมื่อปี 2524

ซึ่งตอนนั้นปู่คออี้ที่เกิดปี 2454 อายุได้ 70 ปีพอดี

จากนั้นปี 2539 อุทยานฯ สั่งอพยพชาวบ้านบางกลอยลงมาอยู่ที่จัดสรรบ้านโป่งลึก แต่ก็เกิดปัญหากับคนที่อยู่มาก่อน ไม่มีที่ทำกินเพียงพอ

ชาวกะเหรี่ยงกลุ่มหนึ่งจึงกลับไปอยู่ที่หมู่บ้านเก่าเพื่อดำรงวิถีชีวิตเดิม

จนกระทั่งถูกเผาไล่ที่

ซึ่งชาวกะเหรี่ยงก็ต่อสู้ด้วยช่องทางตามกฎหมาย โดยมี บิลลี่ พอละจี รักจงเจริญ กะเหรี่ยงหนุ่มหลานปู่คออี้เป็นหัวเรี่ยวหัวแรง

แต่แล้วก็เกิดเหตุสลดซ้ำเมื่อบิลลี่หายตัวไป หลังจากเจอกับนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแก่งกระจานจับกุมข้อหามีน้ำผึ้งป่า ก่อนอ้างว่าปล่อยตัวแล้วหายสาบสูญ

ถือเป็นคดีที่ยังลึกลับดำมืดที่ครอบครัวยังทวงถามความเป็นธรรมต่อไป

เช่นเดียวกับสิทธิถิ่นที่อยู่ ที่สังคมยังสงสัยตั้งคำถามว่าขณะที่คนส่วนหนึ่งถูกไล่ที่ แต่ยังมีอีกกลุ่มหนึ่งไปสร้างคฤหาสน์ใหญ่โตหรูหรา ครอบครองกันได้อย่างหน้าตาเฉย

หรือความถูกต้องในสายตาเจ้าหน้าที่อุทยานบางคนนั้น อยู่ที่ว่าเป็นบ้านของใคร?

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน