คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม

รุก กลางกระดาน

เป็นเรื่องที่สังคมแสดงความชื่นชม อย่างกว้างขวาง สำหรับนักร้องหนุ่ม “ตูน บอดี้สแลม” หรือ อทิวราห์ คงมาลัย ที่ทำโครงการ #ก้าวคนละก้าว

ด้วยการออกวิ่งจากกทม.ไปถึงบางสะ พาน ระยะทาง 400 กิโลเมตร ใช้เวลา 10 วัน เพื่อระดมทุนซื้ออุปกรณ์การแพทย์ มอบให้กับโรงพยาบาลบางสะพาน จ.ประจวบ คีรีขันธ์

เมื่อเสร็จสิ้นโครงการก็ถือว่าประสบความสำเร็จ เมื่อได้ยอดเงินบริจาคกว่า 70 ล้านบาท

ถือเป็นผลดีของโรงพยาบาลบางสะพาน ที่ได้เงินมาซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วย

และโอกาสอันดีที่ประชาชนทั่วไปได้ร่วมกันทำบุญกุศลในครั้งนี้

อย่างไรก็ตาม หากจะให้เรื่องนี้เป็นกรณีตัวอย่างที่แท้จริง ก็ไม่ควรจะปล่อยผ่าน ให้จบลงไปเพียงแค่นี้

เพราะต้องยอมรับกันว่าการวิ่งของ “ตูน บอดี้สแลม” ครั้งนี้ ก็เป็นเพียงปรากฏการณ์การช่วยเหลือ ระดมทุน ระดมเงิน เพียง ครั้งเดียว

จะเยี่ยมยอด ได้เงินมากน้อยขนาดไหน ก็ยังมีโรงพยาบาลอีกหลายแห่ง โดยเฉพาะในจังหวัดห่างไกล ที่ขาดแคลนงบประมาณอย่างนี้อยู่

และแน่นอนว่าปัญหาเช่นนี้ย่อมกระทบถึงคุณภาพชีวิตของประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตนั้นๆ

ประชาชนที่จ่ายภาษี ทั้งในรูปแบบภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม มาเป็นเงินเดือนให้กับนักการเมือง ข้าราชการใหญ่โต ได้มีกินมีใช้ ได้ใช้เวลาครึ่งวันบ่าย ออกกำลังกายทุกวันพุธ

หากปล่อยเรื่องเหล่านี้ย่อมไม่ดีเลยในเรื่องของโครงสร้าง

จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ที่มีหน้าที่ดูแลคุณภาพชีวิตของประชาชนทั่วประเทศ ต้องทบทวนและวางมาตรการแก้ไขปัญหา

ให้เหมาะสมกับฐานะนักปกครอง

จะมามัวชื่นชมกับคุณงามความดีของ นักร้องดัง ยิ่งทำให้ภาพของการละเลยปัญหา จนเอกชนต้องช่วยกันเองตามมีตามเกิดนั้น ชัดเจนยิ่งขึ้น

หากในอนาคตมีปัญหาก็ต้องรอดารา นักร้อง ออกมาวิ่ง ระดมเงินบริจาคกันอีกหรือ

และถ้ายืนยันว่าประเทศไม่มีเงินพอ ก็ช่วยแบ่งจากงบประมาณของกระทรวงกลาโหมที่ตั้งไว้ 2 แสนล้านบาทมาให้

ประชาชนเจ้าของเงินได้ประโยชน์บ้างก็ยังดี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน