รัฐบาลถังแตกจริงหรือ?
รัฐบาลถังแตกจริงหรือ? – ช่วงนี้ประชาชนอ่วมไปตามๆ กัน หลังรัฐบาลมีนโยบายเก็บภาษีขึ้นมาหลายตัว
เมื่อเดือนก่อน กระทรวงการคลังเห็นชอบให้เก็บเงินจากบุหรี่อีกซองละ 2 บาท จะสร้างรายได้ให้รัฐปีละ 3,000 ล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นภาษีบาป คนส่วนใหญ่เห็นด้วยให้เก็บเพิ่มแน่นอนอยู่แล้ว
ถัดมาเดือนนี้ กรมสรรพสามิตเก็บภาษีสินค้าที่มีน้ำตาลมาก จำพวกเครื่องดื่มรสหวานต่างๆ ซึ่งผ่านครม.ไปเรียบร้อยแล้ว คิวต่อไปก็จะเสนอครม. เห็นชอบเก็บภาษีสินค้าที่มีไขมันและความเค็มมาก
ให้เหตุผลว่า ต้องการเก็บภาษีที่ส่งเสริมให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดี
เอาหมดภาษีน้ำตาล ไขมันทรานส์ และความเค็ม เพราะเห็นว่าสิ่งเหล่านี้เป็นอีกต้นเหตุสำคัญในการทำลายสุขภาพของประชาชน
ก่อนหน้านี้ กระทรวงเกษตรฯ ก็มีแนวคิดเก็บภาษีหมา–แมว คือ เจ้าของต้องนำไปขึ้นทะเบียน มีค่าคำร้องขอขึ้นทะเบียนฉบับละ 50 บาท ค่าสมุดประจำตัวสัตว์ 100 บาท ค่าเครื่องหมายประจำตัวสัตว์ ตัวละ 300 บาท
หากเจ้าของไม่ดำเนินการตามกฎหมาย เมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้ เจ้าพนักงานท้องถิ่นของรัฐมีอำนาจเปรียบเทียบปรับไม่เกิน 25,000 บาท และรายได้จากการเปรียบเทียบปรับจะเป็นรายได้ของท้องถิ่น
จนเกิดกระแสวิจารณ์กันกระหึ่มเมือง ซึ่งส่วนใหญ่คัดค้าน เพราะว่าหากตีทะเบียนหมาแมวจริงๆ ต้องมีสวัสดิการที่ครบถ้วนแบบต่างประเทศ
อีกมุมหนึ่งก็มองว่าถ้าตีทะเบียนจริงๆ คนจะแห่นำหมาแมวไปทิ้ง หมาแมวจรจัดจะเกลื่อนบ้านเกลื่อนเมือง
แต่สุดท้ายบิ๊กตู่ก็สั่งเบรกกฎหมายตัวนี้กลางที่ประชุมครม.
ถ้าร่างนี้ผ่าน คนไทยก็เตรียมควักกระเป๋าจ่ายเงินกันได้เลย ใครเลี้ยงหมาแมวน้อยก็จ่ายน้อย ใครเลี้ยงเยอะก็จ่ายกันอ่วมไปเลย
ล่าสุด สนช.นัดพิจารณากฎหมายอีกฉบับ เก็บภาษีที่ดิน เจ้าของที่ดินต้องจ่ายภาษี 0.03% จะเริ่มบังคับใช้ ปี 2563
ในสภาพเศรษฐกิจตกสะเก็ด แล้วรัฐยังมาไล่เก็บภาษี “หวาน มัน เค็ม” แบบนี้
ชาวบ้านก็อดไม่ได้ที่จะวิจารณ์กันกระหึ่มเมืองว่ารัฐบาลชุดนี้ “ถังแตก”
สมิงสามผลัด