ทิ้งหมัดเข้ามุม : เลือกอนาคตประเทศไทย

ทิ้งหมัดเข้ามุม : เข้าสู่ปี 2019 การเมืองไทยก็ยังคงเข้มข้นร้อนแรง

ทุกพรรคการเมืองเดินหน้าเข้าสู่โหมดเลือกตั้งเต็มที่ ด้วยความเชื่อมั่นว่ายังไงเสียการเลือกตั้งก็ต้องเกิดขึ้นในเร็ววัน

แม้จะมีพวกตกยุคยกขอบ คอยเชียร์ ให้เลื่อนเลือกตั้ง หรือกระทั่งให้เลิกการเลือกตั้งไปเสียเลย

พร้อมปลุกผีนักการเมืองชั่วขึ้นมาหลอกหลอน

แต่ก็เชื่อว่าคนที่ยังมีสติสัมปชัญญะ โดยเฉพาะที่กุมกลไกอำนาจอยู่ในเวลานี้ คงไม่คิดน้อยไปทำตามอย่างแน่นอน

เพราะก็รู้ดีอยู่ว่าสังคมเริ่มคุกรุ่น และตั้งคำถามกับ ‘คำสัญญา’ ของรัฐบาลนี้ มากน้อยเพียงใด

ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการดีไซน์รัฐธรรมนูญ ทั้งการดูดการดึงขั้วการเมืองมาอยู่เคียงข้าง รวมทั้งส.ว. 250 เสียงที่มีอำนาจโหวตเลือกนายกฯ

ทนอยู่ต่อแบบนี้ กับการคัมแบ็ก ด้วยกลไกรัฐธรรมนูญ อะไรดีกว่ากัน ไม่ต้องฉลาดมากก็พอจะนึกออก

เรียกได้ว่าฝั่งอำนาจเดิม นอนมากันเห็นๆ ??

ดังนั้น หากวันเลือกจะเลื่อนจาก 24 ก.พ. ก็คงจะแค่ไม่กี่วันเท่านั้น

แต่ที่น่าสนใจกลับเป็นฝั่งคู่แข่งอย่างพรรคเพื่อไทย ที่ผ่านวันปีใหม่มาก็เปิดตัว 1 ในบัญชีนายกฯ ซึ่งก็คือนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรมว.คมนาคม ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่ได้รับฉายาว่ารัฐมนตรีที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี

หากไม่นับเรื่องความแข็งแกร่ง ‘ชัชชาติ’ ถือเป็นบุคคลที่ได้รับความนิยมอย่างสูง จากการทำหน้าที่รัฐมนตรีที่คุมเมกะ โปรเจ็กต์ อนาคตประเทศไทย 2020 ในวงเงิน 2 ล้านล้านบาท

ที่รวบรวมแผนงานพัฒนาระบบคมนาคม ทั่วประเทศ ทั้งรถไฟความเร็วสูง รถไฟทางคู่ ถนนหนทาง ท่าเรือ และด่านศุลกากร

หวังพลิกฟื้นอนาคตประเทศ สร้างโอกาส ให้กับประชาชนชาวไทย

เสียดายที่โครงการดังกล่าวต้องตกไป เพราะเหตุผลที่ว่าบ้านเรายังมีถนนลูกรังอยู่

หาไม่แล้ว อีกแค่ไม่ถึงปีเราก็อาจได้ใช้รถไฟความเร็วสูงกันแล้ว

แต่สุดท้ายกลับต้องมาจมปลักอยู่กับสิ่งที่ไม่คิดจะอยากทน

จึงเป็นเรื่องสำคัญในการเลือกตั้งครั้งนี้ว่า จะมองเห็นอนาคต หรือจะเลือกอดีตที่เกิดขึ้น

ประชาชนมีสิทธิ

โดย รุก กลางกระดาน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน