คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม

มันฯ มือเสือ

ตรงตามสำนวนจีน “วิกาลยาวนาน ฝันยุ่งเหยิง”

คสช.และแม่น้ำ 4 สายอยู่มา 2 ปี 9 เดือน

สิ่งไม่คิดว่าจะเกิดก็เกิดตั้งแต่ต้นปี 2560 เริ่มจากปัญหาอุทกภัยใหญ่ภาคใต้ ปัญหาราคาพืชผลตกต่ำ สินค้าแพง หนี้ครัวเรือนพุ่งสูง เศรษฐกิจโดยรวมไม่กระเตื้อง

เปิดศึกยืดเยื้อกับวัดพระธรรมกาย

แถมยังเกิดปัญหาจุกจิกไม่เว้นแต่ละวัน กัดกร่อนต้นทุนคสช.และแม่น้ำ 4 สาย หดหายไปไม่น้อย

ไม่ว่ากรณี 7 สนช.ขาดประชุมลงมติ กรณีหุ้นรัฐมนตรี ทัวร์ดูงานเมือง นอกของข้าราชการและองค์กรอิสระ ที่กำลังอื้อฉาว โครงการรถไฟทางคู่ ส่งกลิ่น จนลงเอยต้องหันไปปลดผู้ว่าฯการรถไฟฯ โละบอร์ดทิ้งยกชุด การปฏิรูปที่ยังไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ฯลฯ

เครื่องชี้วัดชัดเจนว่ารัฐบาลคสช.ผ่าน “จุดสูงสุด” มาแล้ว คือผลสำรวจกรุงเทพโพลล์ไม่นานมานี้ พบคะแนนผลงานลดลงทุกด้าน

แม้จะมีความพยายามใช้กลไกอำนาจพิเศษ “ม.44” เข้าจัดการปัญหาในระยะหลัง โดยในปี 2560 ผ่านไปไม่ถึง 3 เดือน ประกาศใช้คำสั่ง ม.44 แล้วเกิน 10 ฉบับ

มีเสียงเตือน ม.44 เหมือนดาบสองคม เนื่องจากเป็นกฎหมายในระบอบอำนาจนิยม การนำมาใช้บ่อยๆ โดย ไม่สมเหตุสมผล ทำให้เป็นห่วงผู้ใช้ เสพติดอำนาจ

อย่างกรณีวัดพระธรรมกาย หลายคนมองว่าหากใช้กฎหมายปกติ เติมความเข้มงวดเข้าไป อะไรต่างๆ คงไม่ยุ่งเหยิงขนาดนี้ คสช.และรัฐบาลไม่ต้องเจอแรงเสียดทานด้านสิทธิมนุษยชน

อีกสิ่งสะท้อนการสวนกระแสขาขึ้น

คือการที่มีนักการเมืองใหญ่ และ นักวิชาการคนดัง ที่เคยอยู่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลชุดก่อน เริ่มออกมาวิจารณ์รัฐบาลชุดนี้ ชนิดไม่เกรงกลัวจะขัดหู ขัดใจผู้มีอำนาจเหมือนก่อน

เส้นทางลงจาก “หลังเสือ” ส่อเค้า ไม่ราบรื่นเสียแล้ว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน