คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม

รุก กลางกระดาน

ยื้อเยื้อยาวนานราวกับหนังชีวิต สำหรับการบุกจับพระธัมมชโย ผู้ต้องหาคดีฟอกเงิน

เพราะแม้รัฐบาลทุ่มสรรพกำลังมาใช้เต็มที่ ทั้งกำลังคนกว่าครึ่งหมื่น ใช้ งบประมาณประเทศไปแล้ว กว่า 100 ล้านบาท

พร้อมกับประกาศใช้ ม.44 ซึ่งถือเป็นอำนาจสูงสุด เหนือกว่ารัฏฐาธิปัตย์ใดๆ

หวังจะเผด็จศึกให้ได้รวดเร็วฉับไว

ลุยปฏิบัติการทั้งตัดสัญญาณโทรศัพท์ จำกัดเสบียงอาหาร ตั้งด่านล้อมตรวจค้น ดูเอาจริงเอาจัง องอาจห้าวหาญ

แต่ผ่านมาร่วมเดือนแล้ว กลับไม่มีอะไรที่เป็นรูปธรรม!!!

หนำซ้ำยังส่งผลกระทบต่อประชาชนที่อยู่ในชุมชนโดยรอบ รวมทั้งพระ เณร ลูกศิษย์ ที่ไม่ได้เกี่ยวกับพระธัมมชโยด้วย

แถมยังไม่มีการเยียวยาใดๆ ให้กับ ผู้ได้รับผลกระทบ

หนำซ้ำในขณะที่สังคมจะตั้งคำถาม และขอให้ทบทวนปฏิบัติการครั้งนี้ ฝ่ายเจ้าหน้าที่ก็ยังเดินหน้า โดยดีเอสไอระบุเมื่อวันที่ 8 มี.ค.ว่าจะจบในอีก 5 วัน

ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะจบยังไง แบบหนังดราม่า หรือหนังบู๊เลือดท่วมจอ

แต่ที่ดูยังไงก็ไม่เข้าใจก็คือ การกดดันต่อเนื่องด้วยออกหมายเรียกพระ-ฆราวาส กว่า 160 คน

ไม่ว่าจะเป็นคนดูแลอาคาร พ่อค้าแม่ค้า พระลูกวัด หรือกระทั่งป้าเช็งได้สิทธิเสมอภาค

ต้องมารายงานตัวในข้อหาขัดคำสั่งคสช.

ทั้งหมดนี้ให้ประโยชน์อะไรกับรัฐบาล??

ทำให้เกิดคำถามว่า ที่สุดแล้วจุดประสงค์หลักของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่อยู่ที่ใดกันแน่?

ต้องการจับพระธัมมชโยมาดำเนิน คดี หรือมีเรื่องอื่นเป็นเป้าหมายใหญ่ กว่านั้น

รวมไปถึงการใช้ม.44 ที่ยืดเยื้อยาวนาน แถมใช้กับสารพัดเรื่อง จนสังคมตั้งคำถามและเกิดความสงสัย

แทนที่จะเป็นยาแรงให้แก้ปัญหาได้ทันใจ กลับจะทำให้เกิดภาวะดื้อยา

สุดท้ายคุณหมออาจจะกลายเป็นคนไข้เสียเอง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน