ทิ้งหมัดเข้ามุม

มันฯ มือเสือ

การเมืองในรอบไม่กี่วันที่ผ่านมา เกิดกรณีให้เปรียบเทียบกัน 2 เรื่องใหญ่

เรื่องแรกคดีโครงการรับจำนำข้าวที่น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถูกกล่าวหาปล่อยปละละเลยจนเกิดการทุจริตสร้างความเสียหายให้ประเทศชาติ

ล่าสุดคณะกรรมการกระทรวงการคลังสรุปตัวเลขกลมๆ เสียหายประมาณ 1.7 แสนล้านบาท

แยกเป็นส่วนของน.ส.ยิ่งลักษณ์ต้อง รับผิดชอบชดใช้ 3.5 หมื่นล้านบาท

ที่เหลือ 1.35 แสนล้านบาทต้องไปเฉลี่ยหนักเบาเอากับผู้ร่วมรับผิดชอบในอีกกว่า 800 คดีที่ฝ่ายรัฐต้องดำเนินการต่อไป

เช่นเดียวกับการลงนามในคำสั่งทางปกครองเรียกค่าเสียหายจากน.ส.ยิ่งลักษณ์

ต้องรอดูว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ จะลงนามเองหรือให้รมว.คลัง ลงนามแทน

บางคนมองว่าถึงกฎหมายไม่ได้บังคับ แต่จะดู”แมน”มากกว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ น่าจะลงนามเอง เหมือนตอนลงนามคำสั่งมาตรา 44 ให้อำนาจกรมบังคับคดียึดทรัพย์ผู้รับผิดคดีจำนำข้าว

นอกจากเรื่องนี้แล้วที่น่าจะสร้างความกลัดกลุ้มให้ พล.อ.ประยุทธ์ไม่น้อย คือการที่มีผู้ยื่นให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบกรณีลูกชายพล.อ. ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกลาโหม

มีชื่อเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทที่ชนะการประมูลงานก่อสร้างให้กองทัพภาคที่ 3

ภายใต้เครื่องหมายคำถามเรื่อง “ทับซ้อน” ในเครือญาติทำนองนี้

ถ้าไม่ใช่ลูกหลาน“จันทร์โอชา” แต่เป็นลูกหลาน “ชินวัตร-ดามาพงศ์-วงศ์สวัสดิ์”

ป่านนี้จมดินไปแล้วหรือไม่

กรณีเปรียบเทียบอีกเรื่องคือเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ปี”54

1 ใน 15 คดีที่ป.ป.ช.ตั้งอนุกรรมการ ขึ้นมาสอบไล่เบี้ยเอาผิดกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ข้อหาบริหารจัดการน้ำบกพร่อง

แล้วก็เหมือนฟ้าฝนไม่เป็นใจในสภาพการณ์ปัจจุบัน หลายจังหวัดทุกภาคทั่วประเทศกำลังประสบภัยพิบัติน้ำท่วมอ่วมอรทัย ไม่รู้จะไปร้องแรกแหกกระเชอกับใคร

แน่นอนว่าอุทกภัยปีนี้อย่างไรก็ไม่รุนแรงเท่ากับปี”54

ซึ่งถือเป็นโชคดีของคนไทยทั้งประเทศ

เนื่องจากสภาพที่เห็นและเป็นอยู่แค่นี้ ก็พอพิสูจน์ให้เห็นได้แล้วว่า

รัฐบาลชุดนี้มีฝีมือบริหารจัดการน้ำขนาดไหน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน