เตรียมสูญพันธุ์

คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม

โดย รุก กลางกระดาน

เตรียมสูญพันธุ์ ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดแรก หลังจากรัฐประหารยึดอำนาจโดยคสช. ทำให้ว่างเว้นการทำหน้าที่ของผู้แทนมาร่วม 5 ปี

บรรยากาศเป็นไปอย่างดุเด็ดเผ็ดมัน เปี่ยมไปด้วยลูกล่อลูกชน

ทั้งพรรคการเมืองที่เก๋าเกมสภา พรรคการเมืองหน้าใหม่ ที่ตั้งอกตั้งใจทำหน้าที่ หรือพรรคขนาดใหญ่ที่รวมตัวกันอย่างชุลมุน หลายมุ้ง หลายกลุ่ม ก็แสดงให้เห็นถึงความอ่อนหัด และปัญหามากมายที่ซุกอยู่ข้างใน

แต่ถึงจะดูแล้วเห็นความขัดแย้ง ทุกอย่างล้วนเป็นสัญญาณที่ดี ที่การหาทางออก ผ่านการอภิปรายถกเถียง และลงมติ ตามแนวทางประชาธิปไตย

ไม่ใช่ใช้ปืน รถถัง อำนาจมืด ข่มขู่บังคับให้ทุกคนจำยอม แถมปกครอง บ้านเมืองโดยไร้การตรวจสอบ อย่างที่เป็นมากว่า 5 ปี

และที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ก็คือการประชุมครั้งนี้ ทำให้มองเห็นพันธมิตร ว่าใครรวมกลุ่มกับใครได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น

ไม่ว่าการขึ้นสู่ตำแหน่งประธานสภา ผู้แทนฯ ของ นายชวน หลีกภัย จากพรรคประชาธิปัตย์ ที่ผ่านมาเสนอชื่อจากพรรคพลังประชารัฐ

และเชื่อได้ว่าเสียงที่สนับสนุนจนได้ เป็นประธานสภาต้องมีพรรคพลังประชารัฐเทให้อย่างแน่นอน เหมือนกับที่พรรคประชาธิปัตย์ ก็ต้องโหวตให้นายสุชาติ ตันเจริญ จากพปชร. เป็นรองประธาน คนที่ 1

เช่นเดียวกับที่ทั้งประชาธิปัตย์ และพลังประชารัฐ โหวตให้ นายศุภชัย โพธิ์สุ จากพรรคภูมิใจไทย

สะท้อนให้เห็นถึงความแนบแน่นระหว่างพลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ และภูมิใจไทย ได้เป็นอย่างดี

ดังที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าภูมิใจไทย ก็ยอมรับอย่างน่าชื่นตาบาน แถมยังปฏิเสธว่า เคยมีจุดยืนสนับสนุน คนที่มาจากการเลือกตั้งเป็นนายกฯ

จะมีก็แค่พรรคประชาธิปัตย์ ที่ยัง ไม่เปิดปากชัดๆ ว่าจะสนับสนุน พล..ประยุทธ์ เป็นนายกฯ แต่ดูจากการสังฆกรรมที่ผ่านมาก็ยากจะปรับเปลี่ยน

เปรียบดังภาษิตจีนเรื่องงาช้างกับปากสุนัข

สุดท้ายก็คงต้องยอมรับ จะเสียดายก็แต่คะแนนเสียงที่ประชาชนมอบให้ เพราะหลงเชื่อว่าคำสัญญา ที่สุดท้าย ก็เป็นคำลวง

แต่ก็ไม่ใช่ว่าโลกจะแตก เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ย่อมไม่ใช่ครั้งสุดท้าย และถ้าดูจากการจับมือของพรรคร่วมแล้ว การเลือกตั้งอาจจะเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาดคิดเสียอีก

และเมื่อนั้น ย่อมถึงเวลาลงโทษคนที่ทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชน

ให้สูญพันธุ์ไปจากการเมืองไทย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน