ต่อสู้กับอนาคต
คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
โดย…รุก กลางกระดาน
ต่อสู้กับอนาคต – เป็นเรื่องที่น่าเห็นอกเห็นใจ ปนกับตลกขบขันเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อได้เห็นผู้อาวุโสในบ้านในเมืองผวากันจนแทบตกเก้าอี้ เพียงเพราะแค่เห็นพานไหว้ครูของนักเรียนโรงเรียนมัธยม
เพราะแม้จะเป็นเพียงแค่ไอเดียแสบๆ คันๆ ของกลุ่มนักเรียน แต่ก็บาดลึกเข้าไปถึงหัวใจ จนแทบทำใจไม่ได้ว่าจะเป็นแนวคิดของเด็กนักเรียนที่ทำกันขึ้นมาเอง
ต้องตั้งทฤษฎีสมคบคิด ว่ามีคนสั่งการอยู่เบื้องหลัง บางคนไปไกลถึงว่ามีคนนอกประเทศคอยบงการเสียด้วยซ้ำ
ซึ่งก็คงช่วยปลอบประโลม ให้มีกำลังใจอยู่ต่อไปได้ไม่มากก็น้อย
ทั้งนี้ก็พอจะเข้าใจได้ในความหวาดผวาเหล่านี้ ก็อุตส่าห์ยึดอำนาจกันมาแล้วร่วม 5 ปี วางแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
ร่างรัฐธรรมนูญฉบับเอื้อเฟื้อ ตั้ง 250 ส.ว. เลือกกันเอง เป็นกันเอง มาเลือกนายกคนกันเอง
ต้อนนักการเมืองเข้ามุ้ง ครอบด้วยอำนาจที่สถาปนาขึ้นมาจนได้ครองอำนาจอีกรอบ
อะไรๆ ที่ดูจะดี กลับถูกภัยคุกคามจากเยาวชนที่เป็นแนวคิดบริสุทธิ์ผ่านการทำพานไหว้ครู
เป็นเหตุที่ต้องทบทวนกันอีกรอบ ว่าจะแก้ไขกันอย่างไร ต้องรื้อฟื้นค่านิยม 12 ประการ ที่ให้ท่องจำมากกว่า 5 ปี เข้ามาสอนในระบบการศึกษาไทยอีกรอบ
หรือจะโชว์วิสัยทัศน์ สร้างค่านิยมใหม่ๆ เข้ามาสั่งสอนนักเรียนกันอีก ถ้าทำได้ก็ควรลองทำออกมา
ถ้าคิดจะฉุดรั้งอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้นได้
แต่จริงๆ แล้วสิ่งที่ง่ายที่สุดก็คือทำใจยอมรับว่าสิ่งทั้งหมดที่เป็นอยู่มันจะเกิดขึ้นและเป็นไป
ไม่มีใครสามารถฉุดรั้งความเปลี่ยนแปลงได้ตลอดไป
แน่นอน อาจจะสามารถทำได้แค่ช่วงตลอดอายุขัยที่เหลือน้อยของคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น
แต่ในที่สุดแล้วทุกอย่างก็ต้องเกิดขึ้น สิ่งสำคัญคือจะปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นได้มากน้อยเพียงใดเท่านั้น
ถ้าปรับได้ก็ยังพอมีที่ยืนในยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลง แต่หากดันทุรังต่อไป ก็คาดเดาจุดจบไม่ได้เลยจริงๆ
เพียงแต่ต้องย้ำเตือนไว้ว่าการต่อสู้กับอนาคต มันไม่ง่ายเลยจริงๆ