ทำไมแก่งกระจาน วืดมรดกโลก

คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม

รุก กลางกระดาน

 

เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ที่ป่าแก่งกระจานพลาดโอกาสขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

เนื่องจากมีความเป็นห่วงใน 3 ประเด็น ที่ให้คณะกรรมการมรดกโลกของไทย ไปพิจารณาทบทวน คือ 1. เรื่องขอบเขตระหว่างไทยกับพม่า ที่ต่างฝ่ายยังแสดงว่าเป็นผู้ครอบครอง

2. ให้ไปทำข้อศึกษาเปรียบเทียบเรื่องขอบเขต พื้นที่ที่ลดลง เพื่อแก้ปัญหาเรื่องขอบเขตแล้ว จะยังอยู่ภายใต้ข้อกำหนดการขึ้นแหล่งมรดกทางธรรมชาติหรือไม่

3. ให้ไปทำข้อห่วงกังวลเรื่องชุมชนในพื้นที่

โดยให้โอกาสเสนอป่าแก่งกระจาน ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอีกครั้งในระยะเวลา 3 ปีนับจากนี้

ถือเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างจริงจังว่า สิ่งที่คณะกรรมการมรดกโลกกังวลทั้ง 3 ประการนั้น สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดคืออะไร

เพราะหากพิจารณาแล้ว ทั้งข้อ 1 และ 2 เป็นเรื่องทางเทคนิค และการตกลงระหว่างประเทศ ที่น่าจะดำเนินการได้ไม่ยากเย็นนัก

แต่ในเรื่องข้อกังวลเรื่องชุมชนในพื้นที่นั้น เป็นประเด็นที่ต้องพิจารณากันอย่างรอบคอบ

และต้องยอมรับความจริงว่าเกิดเหตุอะไรกันบ้างที่นำไปสู่จุดนั้น

ไม่ว่าจะเป็นการเข้าไปรื้อถอนบ้านเรือนของชาวกะเหรี่ยงที่อาศัยอยู่ภายในป่าแก่งกระจานมาเป็นนับร้อยปี ถึงขั้นเผาบ้านไล่ที่

จนกลายเป็นคดีขึ้นโรงขึ้นศาลอย่างที่รับรู้

หรือกระทั่งการหายตัวไปของนายพอละจี หรือบิลลี่ รักจงเจริญ ชาวกะเหรี่ยงที่ลุกขึ้นมาเรียกร้องสิทธิให้กับชุมชนของชาวกะเหรี่ยง และเตรียมยื่นฟ้องร้องกับเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำเกินกว่าเหตุ

บิลลี่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ตั้งแต่ วันที่ 17 เม.ย. 2557

โดยกลุ่มคนที่เจอบิลลี่ครั้งสุดท้ายก็คือ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแก่งกระจาน ที่ระบุว่า จับกุมบิลลี่ เพราะมีน้ำผึ้งป่า

แต่แทนที่จะนำตัวไปดำเนินคดีหรือเปรียบเทียบปรับ ก็เปลี่ยนใจปล่อยตัวไปโดยไม่ทราบว่า หลังจากปล่อยตัวแล้ว บิลลี่เดินทางไปที่ไหน

เป็นปริศนาดำมืดมานานกว่า 5 ปี

ทั้งครอบครัว สังคม และองค์กรสิทธิ ทั้งในและนอกประเทศ พยายามกดดันให้รัฐไทยเร่งคลี่คลายคดี แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ

เป็นบทเรียนให้รับรู้ไว้ว่าสังคมโลกเขาจับตาดูอยู่ว่ามีอะไรเกิดขึ้นในไทย

หากไม่คลี่คลายก็ยากที่โลกจะยอมรับ และโอกาสเป็นมรดกโลกของแก่งกระจานก็จะเลือนหายไปเรื่อยๆ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน