คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
รุก กลางกระดาน
ยังอยู่ในความสนใจของสังคม สำหรับกรณีทหารวิสามัญนายชัยภูมิ ป่าแส นักกิจกรรมชาวลาหู่ คาด่านตรวจถาวร ที่ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
หลังจากที่องค์กรสิทธิฯ ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลสอบสวนข้อเท็จจริงให้ชัดเจน เพราะไม่เชื่อว่านายชัยภูมิ ที่เป็นนักกิจกรรมรณรงค์ให้เยาวชนห่างไกลยาเสพติด จะมาพัวพันเสียเอง
แม้ว่าฝ่ายทหารและตำรวจจะยืนยันว่านายชัยภูมิมีชื่ออยู่ในบัญชีผู้ค้ายาจริง แถมยังเคยล่อซื้อยา แต่นายชัยภูมิไหวตัวทัน แล้วยังมีพฤติกรรมข่มขู่พยาน
และยังย้ำว่ามีหลักฐานเด็ดที่พ่อค้ายาเสพติดโอนเงินโอนเข้าบัญชีของนายชัยภูมิอีกด้วย
อีกทั้งแม่ทัพภาคที่ 3 ก็ยังปกป้อง ลูกน้องว่าทำตามหน้าที่ได้อย่างถูกต้องแล้ว และได้ดูวงจรปิดเหตุการณ์ทั้งหมด
ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามขั้นตอน ของกฎหมาย เมื่อผู้ต้องสงสัยขัดขืนและ เตรียมขว้างระเบิดใส่เจ้าหน้าที่ ก็จำเป็นต้องยิงเพื่อยับยั้ง
ส่งผลให้เกิดคำถามและเรียกร้องให้แม่ทัพภาคที่ 3 เปิดวงจรปิดเหตุการณ์ทั้งหมด เพื่อจะได้เกิดความกระจ่าง
เพราะถึงแม้ว่านายชัยภูมิจะไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดจริง ก็ไม่ได้หมายความว่าเหมาะสมแล้วที่จะถูกจับตาย
อีกทั้งพยานที่เป็นชาวเขาก็ให้ข้อมูลคนละด้านกับเจ้าหน้าที่
จึงควรอย่างยิ่งที่จะทำให้เกิดความชัดเจน ไม่ให้เหตุนี้บานปลายกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว
แต่ในขณะที่ยังไม่มีผลการสอบสวน ใดๆ ออกมา บอร์ด กสท.กลับมีคำสั่งปิดสถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี ที่นำเสนอข่าวการวิสามัญนายชัยภูมิอย่างเกาะติด เป็นเวลา 7 วัน
โดยข่าววิสามัญหนุ่มลาหู่ เป็นเหตุผล หนึ่งที่ต้องสั่งปิด แม้ระบุว่าไม่ได้ทำเพื่อ เอาใจทหาร แต่เป็นเพราะมีความผิดชัดเจน
ยิ่งทำให้สังคมตั้งคำถามว่า เกิดอะไรกันขึ้นในบ้านเมืองยุคนี้
เขาเรียกร้องให้เปิดวงจรปิด กลับไปปิดสถานีทีวี!??
หากเป็นเช่นนี้ ความจริงจะกระจ่าง ได้อย่างไร