คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม

รุก กลางกระดาน

ยังคงต้องทวงถามกันต่อไป สำหรับกรณีที่ทหารวิสามัญฯ นายชัยภูมิ ป่าแส นักกิจกรรมชาวลาหู่ วัย 17 ปี คาด่านตรวจทหาร ที่ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่

เพราะแม้ว่าบิ๊กๆ ในกองทัพ ในรัฐบาล รวมทั้งบิ๊กตำรวจ ประสานเสียงชัดเจนว่านายชัยภูมิเป็นผู้ค้ายาเสพติดใหญ่โต

แม้ไม่มีหลักฐานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน นอกจากคำพูดของท่านๆ ทั้งหลาย

นอกจากนี้ ยังมีข้อสงสัยที่แม่ทัพภาค 3 ระบุในการแถลง‘กดออโต้’ ว่าจนท. พบยาเสพติดในล้อรถ ซอกลำโพง และกระโปรงหลัง

แต่บันทึกการจับกุมกลับระบุว่าพบ ยาเสพติดในที่กรองอากาศ!??

ทำไมยาเสพติดที่เจอมันถึงไม่อยู่ด้วยกัน

จึงเป็นเหตุให้ถ้อยแถลงทั้งหมดไม่อาจทำให้สังคมเกิดความเชื่อถือ และหยุดตั้งคำถามได้

แน่นอนว่ามีความเป็นไปได้เช่นกัน ว่านายชัยภูมิเป็นผู้ค้า เป็นผู้ขนยาเสพติด หากมีความผิดก็ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย

ไม่ใช่จะมาจับตายยิงทิ้งกันได้ง่ายๆ!??

ดังนั้น ประเด็นที่เจ้าหน้าที่รัฐต้องตอบคำถามต่อสังคม ไม่ใช่ว่าใครเป็นผู้ค้ายา

แต่ในวันนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่???

มีการต่อสู้ขัดขืนจนถึงขั้นปาระเบิดใส่เจ้าหน้าที่จริงหรือไม่

เพราะภาพนิ่งที่ถูกนำมาเปิดเผย นายชัยภูมิก็ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี ถึงขนาดช่วยเปิดฝากระโปรงรถด้วยซ้ำ

ทำไมหลังจากนั้นไม่นาน จึงไปคว้าระเบิดที่ไม่รู้ว่าเอามาจากไหนมาก่อเหตุได้

มีรายละเอียดอะไรที่ขาดหายไป หรือไม่

สิ่งเหล่านี้ประชาชนอยากรับรู้ จนต้องขอให้เปิดภาพวงจรปิด ที่ทั้งผบ.ทบ. แม่ทัพภาค 3 บอกว่าดูหมดแล้ว

แต่ก็ยังไม่เปิดเผยออกมา เช่นเดียวกับผลสอบนิติเวช ร.พ.นครพิงค์ ที่ระบุว่าเสร็จแล้ว ก็ไม่เปิดเผยเช่นกัน

ในขณะเดียวกันก็มีคำสั่งของกสท.ปิดสถานีวอยซ์ทีวีที่เสนอเรื่องนี้

จึงต้องย้ำเตือนกันอีกว่า เมื่อเกิดคำถาม ก็ต้องมีคำตอบ

การหลงประเด็นไปคุมเข้ม ห้ามถาม ห้ามนำเสนอ ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น

หนำซ้ำยังอาจจะแย่ลงอีกด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน