18 ก.ย. ฤกษ์ถลก
คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
ทิ้งหมัดเข้ามุม – หลังจากยื้อและอึกอักอยู่นาน ในที่สุดรัฐบาลและพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ก็หนีเวทีสภาไม่พ้น
นั่นคือญัตติอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 กรณีนายกฯนำคณะรัฐมนตรี เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนถ้อยความตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 161
รวมถึงกรณีแถลงนโยบายต่อรัฐสภาโดยไม่แจ้งที่มาของรายได้ที่จะใช้ดำเนินการ ตามมาตรา 162
รัฐบาลและผู้สนับสนุนพยายามสรรหาคำอธิบายแก้ต่างว่าเรื่องดังกล่าวผ่านไปแล้ว ไม่ควรฟื้นฝอยขึ้นมาอีก
โดยเฉพาะรองนายกฯฝ่ายกฎหมาย ใช้ชั้นเชิงและครูกฎหมายโหมช่วยด้วยวาทกรรมแบบศรีธนญชัย
สุดท้ายก็จนมุมด้วยหนังสือที่เขียนขึ้นมาเอง
ยิ่งเมื่อผู้ตรวจการแผ่นดินมีมติชี้ชัดว่า พล.อ.ประยุทธ์กล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ถูกต้อง ไม่เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ และส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
รัฐบาลและผู้สนับสนุนก็ยังดันทุรังต่อว่าเมื่อเรื่องเข้าสู่กระบวนการศาลแล้ว ก็ไม่สมควรหยิบมาวิพากษ์วิจารณ์อีก
ทั้งๆ ที่กระบวนทางสภานั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ อำนาจตุลาการในเรื่องนี้
ที่ผ่านมานั้น มีข้อสงสัยที่ไม่เคยได้รับคำชี้แจงจากพล.อ.ประยุทธ์เลย ก็คือทำไมถึงมีความผิดพลาดเกิดขึ้น
นอกจากกล่าวไม่ครบถ้วนตามที่บัญญัติไว้แล้ว ยังเพิ่มถ้อยคำอื่นที่ไม่ได้บัญญัติไว้อีก
ทั้งๆ ที่เมื่อครั้งที่พล.อ.ประยุทธ์เป็น นายกฯตอนยึดอำนาจ ก็สามารถกล่าวได้ถูกต้อง ครบถ้วน
พล.อ.ประยุทธ์หลบเลี่ยงมาโดยตลอด แม้จะพยายามชี้แจงอยู่บ้าง แต่ก็อ้อมค้อม อ้ำอึ้ง
การตอบญัตตินี้ในการอภิปรายในสภา จึงเป็นโอกาสของพล.อ.ประยุทธ์ที่จะได้อธิบายความ และตอบข้อซักถามอย่างตรงไปตรงมา
สง่างามและองอาจกว่าการปล่อยให้เรื่องนี้คาราคาซัง ถูกวิพากษ์วิจารณ์จนอาจกระทบถึงสถาบัน
ความจริงการเลือกเอาวันที่ 18 ก.ย. ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่จะปิดสมัยประชุมในการชี้แจงญัตตินี้ กลายเป็นข้อครหาว่ารัฐบาลใจแคบและกลัวยืดเยื้อข้ามวัน
ยิ่งมีข่าวพรรคพลังประชารัฐจัดเตรียมองครักษ์ไว้คอยปกปัก ตัดเกมการอภิปราย
รัฐบาลก็ยิ่งเสียหายไปอีก
เภรี กุลาธรรม