คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม

รุก กลางกระดาน

บานปลายกันไปใหญ่แล้วสำหรับเรื่องหมุดคณะราษฎร หรือหมุดก่อเกิดรัฐธรรมนูญ ที่มีมือดีฉกเอาไปแล้วสับเปลี่ยนใส่หมุดหน้าใสแทน

เมื่อทั้งนักศึกษา นักกิจกรรม นักวิชาการ รวมถึงกระทั่งทายาทคณะราษฎร ต้องออกมาประสานเสียงขอให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองติดตามหาหมุดดังกล่าว

พร้อมติดตามหาคนที่สับเปลี่ยนหมุดมาดำเนินคดี

ประเด็นสำคัญของผู้ที่ออกมาทวงถามติดตามก็คือ เพราะหมุดดังกล่าวถือเป็นสมบัติของชาติ เป็นหลักฐานทางประวัติ ศาสตร์ ที่ชี้ชัดถึงการอภิวัฒน์สยาม

เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทางเป็นประมุข

แต่ขณะเดียวกัน มีคำถามจากพล.ต.อ. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. ว่า ทรัพย์สินที่หายไปเป็นของใครกันแน่ เป็นมรดกของใคร

หากเป็นผู้เสียหายเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พร้อมดำเนินการ

แต่พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อะไร เหตุใดจึงเอาของส่วนตัวไปวางไว้?

แถมยังงัดเอาข้อกฎหมายมาเตือนประชาชนว่า การแสดงออกเพื่อทวงคืนหมุดคณะราษฎร อาจเข้าข่ายฝ่าฝืนคำสั่งคสช. และพ.ร.บ.การชุมนุมในที่สาธารณะ

ฟังคำเตือนดังกล่าวแล้ว เท่ากับว่าคนที่ออกมาทวงคืนสมบัติชาติ อาจต้องถูกดำเนินคดี!??

กลายเป็นข้อสงสัยว่า ถ้าหากยึดเอาตามข้อสรุปของตำรวจดังกล่าวแล้ว

หากเป็นเช่นนั้น หากมีใครไปขุดหมุดหน้าใสออก แล้วเอาหมุดอื่นใส่ลงไป ก็ย่อมทำได้เช่นกันใช่หรือไม่

หรือหากจะดำเนินคดีได้ ก็ต้องรอเจ้าของหมุดหน้าใส มาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

แล้วก็ต้องรอการพิสูจน์ทรัพย์ว่า ตกลงแล้วเป็นเจ้าของจริงหรือไม่

จะปล่อยให้เป็นไปเช่นนี้หรือ!??

แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นจริง จะนำพาประเทศไปถึงจุดไหน

จึงต้องสะกิดเตือนผู้มีอำนาจ ควรต้องทบทวนท่าทีของฝ่ายรัฐ ในเรื่องนี้กันอย่างจริงจังเสียแล้ว

ควรเร่งไขความกระจ่างออกมา อย่าทำให้เป็นปริศนาอึมครึม

แล้วอย่าไปกดดันอะไรกันเลย

กาน้ำยังต้องมีพวยกาเพื่อระบายความร้อน

เพื่อไม่ให้เกิดระเบิด เพราะระเบิดขึ้นมาแล้วมันจะยุ่ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน