คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
รุก กลางกระดาน
ยังคงมีการติดตามอย่างต่อเนื่อง สำหรับหมุดคณะราษฎร หรือหมุดก่อเกิดรัฐธรรมนูญที่หายไปอย่างไร้ร่องรอยจากลานพระบรมรูปทรงม้า
แล้วถูกเติมเต็มด้วย “หมุดหน้าใส” ที่ ยังไร้คนประกาศตัวเป็นเจ้าของ
แม้องค์กรเอ็นจีโอ นักกิจกรรม นิสิต นักศึกษา นักวิชาการ จะออกมาเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐดำเนินการสืบค้นหากลับ มาให้ได้
แต่การเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่รัฐ ก็ดูจะไม่ได้มีประสิทธิภาพเท่าที่ความคาดหวังของประชาชนจะมีให้
ไม่ว่าจะเป็นการไม่รับแจ้งความหมุดหาย เพราะถือว่าผู้แจ้งไม่ใช่เจ้าของ หรือเจ้าทุกข์โดยตรง
กรมศิลปากรก็ออกแถลงสำทับอีกครั้งว่าหมุดดังกล่าวไม่ใช่โบราณวัตถุ ไม่มี ประโยชน์ใดๆ ทางประวัติศาสตร์
Advertisement
หรือแม้กระทั่งกทม. ที่ระบุว่ากล้องวงจรปิดบริเวณดังกล่าว 11 ตัวถูกถอดออกไปซ่อมพอดิบพอดี
ตามมาด้วยการไปไล่ห้ามคนมาดูหมุด มาถ่ายรูป จนชุลมุนชุลเกกันไปทั้งหมด
แน่นอนว่าคนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ก็ยังเดินหน้าทวงถาม
แต่อีกด้านก็ยังมีคนส่วนหนึ่งไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงมีคนเดินหน้าตามประเด็นนี้อย่างเอาจริงเอาจัง
จึงจำเป็นต้องอธิบายให้เข้าใจว่ากรณีนี้ คือหลักฐานทางประวัติศาสตร์ชิ้นสำคัญ เป็นตัวบ่งชี้ว่าประเทศไทยเปลี่ยนแปลงการปกครองมาอย่างไร
จนกระทั่งมีคนบางกลุ่มไม่พอใจถึงขนาดประกาศจะไปถอนหมุดออก เพื่อลบล้างประวัติศาสตร์ และบันทึกประวัติ ศาสตร์ใหม่ในแนวทางที่ต้องการ
เปลี่ยนเป็นความจริงอีกแบบ ที่จะส่งผลอันตรายอย่างยิ่งในอนาคต
เหมือนเหตุการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ยังลุกโชนไม่จบไม่สิ้น ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าส่วนหนึ่งเกิดจากการละเลยประวัติ ศาสตร์ชาติพันธุ์ ไม่เคารพในภาษา และ อัตลักษณ์ของคนในพื้นที่
หนำซ้ำพยายามเขียนประวัติศาสตร์ใหม่ ที่เป็นคนละทิศละทางกับความรู้สึกของคนในพื้นที่
กระทำกันอย่างยาวนาน บ่มเพาะจากความไม่พอใจเป็นการโกรธแค้นชิงชัง
ก่อนระเบิดออกมาเป็นความรุนแรง
นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้วจริงๆ ในผืนแผ่นดินไทย จึงหวังว่าจะเป็นบทเรียนสำคัญ ไม่ให้ซ้ำรอยเก่า
แล้วเกิดความสูญเสียกันอีก