การเมืองระส่ำ เสี่ยงวงจรอุบาทว์
คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
การเมืองระส่ำ เสี่ยงวงจรอุบาทว์ – การเมืองฝุ่นตลบหลังสภาลงมติไม่ตั้ง กมธ.วิสามัญศึกษาผลกระทบจากประกาศคำสั่ง คสช.และหัวหน้าคสช.ตามมาตรา 44
พลังประชารัฐไม่ค่อยพอใจ ประชาธิปัตย์ที่ส.ส. 4 คนโหวตสวนทางกับรัฐบาลเห็นด้วยให้ตั้ง กมธ.ชุดดังกล่าว กับอีก 2 คนงดออกเสียง
นำมาสู่กระแสข่าวแพร่สะพัด แกนนำรัฐบาลอาจตัดสินใจปรับพรรคประชาธิปัตย์บางส่วนราว 20 คนจากทั้งหมด 50 กว่าคนออกจากรัฐบาลช่วงต้นปีหน้า หรือหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน เดือนก.พ.
แล้วดึงเอาส.ส.งูเห่าจากพรรคฝ่ายค้าน ไม่ว่าเศรษฐกิจใหม่ อนาคตใหม่ ประชาชาติ เพื่อชาติ หรือกระทั่งเพื่อไทย คาดว่ารวมแล้วประมาณ 20-30 คนเข้ามาทดแทน
ถือเป็นสูตรพิลึกพิลั่นและไม่น่าเป็น ไปได้
คนในประชาธิปัตย์เองก็เชื่อว่าเป็นแค่การปล่อยข่าวโยนหินถามทางหรือสร้างแรงกดดันให้พรรคมากกว่า
การเจรจาแบ่งครึ่งพรรคการเมืองเพื่อเอาเข้าร่วมหรือเอาออกจากรัฐบาล นอกจากผิดไปจากกรอบกติกา วัฒนธรรมประเพณีการเมืองที่ปฏิบัติกันมา
ยังผิดมารยาทการเมืองร้ายแรง
เพราะเท่ากับเป็นการใช้อำนาจรัฐบาลและผลประโยชน์เข้าไปแทรกแซงทำลายพรรคนั้นๆ ให้แตกเป็นสองเสี่ยง
ตามข่าว พรรคภูมิใจไทยก็ไม่เห็นด้วยกับวิธีนี้ เสนอว่ารัฐบาลควรพูดคุยปรับความเข้าใจกับพรรคร่วมรัฐบาลให้ได้ ก่อนจะไปดึงงูเห่ามาร่วมงานกับรัฐบาล เนื่องจากไม่มีอะไรรับประกันจะไม่โดนแว้งกัดทีหลัง
แม้การปรับ ครม.จะเป็นเรื่องปกติทางการเมือง หลังจากรัฐบาลเข้ามาทำงานบริหารประเทศได้ระยะหนึ่ง จนพิจารณาเห็นได้ว่าตรงไหนคือจุดอ่อนสมควรปรับปรุงแก้ไข เพื่อให้การทำงานดีขึ้น ราบรื่นขึ้น และถึงที่สุดก็คือ
เพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ
ต้องไม่ปรับ ครม.ด้วยการต่อรองแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ เพียงเพื่อให้คน คนเดียวได้อยู่ในอำนาจยาวนานที่สุดโดยเด็ดขาด
เพราะนั่นจะทำให้การเมืองพังทั้งระบบ
จนเกิดวงจรอุบาทว์ขึ้นอีก